ผู้ว่าฯเชียงใหม่เผยช่วงวันหยุดยาวท่องเที่ยวเชียงใหม่คึกคักมีนักท่องเที่ยวเข้ามากว่า 6.6 หมื่นคน ทำให้มีรายได้หมุนเวียนกว่า251 ล้านบาท แม้อัตราการเข้าพักแค่ 35% เผยสภาพัฒน์แจ้งผลการพิจารณาโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเชียงใหม่ได้รับจัดสรรบเพิ่มกว่า 220 ล้านบาท
นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ภาคธุรกิจและการท่องเที่ยวของเชียงใหม่ได้รับผลกระทบอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามในช่วงวันหยุดยาวเนื่องในวันหยุดชดเชยวันสงกรานต์และวันเฉลิมพระชนมพรรษารัชกาลที่ 10 ซึ่งมีวันหยุดต่อเนื่อง 4 วันระหว่างวันที่ 25 – 28 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา บรรยากาศการท่องเที่ยวของเชียงใหม่เริ่มดีขึ้น โดยพบว่าในส่วนของโรงแรมที่พักมีอัตราเข้าพักประมาณ 35% เพิ่มขึ้น 26.31% ของจำนวนห้องพักทั้งหมด โดยมีผู้เดินทางเข้ามาเชียงใหม่ประมาณ 66,271 คน เพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ทำให้ มีรายได้จากการท่องเที่ยว 251.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.76% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้พบว่ามีนักท่องเที่ยวคนไทย เดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่มากขึ้น โดยเฉพาะวัดที่มีชื่อเสียงและเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว ได้แก่ วัดพระธาตุดอยคำ ซึ่งเป็นวัดที่มีชื่อเสียงด้านการขอพร บนบาน และเป็นวัดที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ อายุเก่าแก่กว่า 1,300 ปีโดยมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาที่วัดแห่งนี้ตลอดทั้งวันเพื่อมาทำบุญและกราบสักการะ หลวงพ่อทันใจ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์
นอกจากนี้ย่านถนนนิมมานเหมินทร์พบว่ามีนักท่องเที่ยวคนไทยเพิ่มขึ้นและทำให้รถติดยาว ขณะที่บรรยากาศการค้าขายภายในแหล่งท่องเที่ยวอาทิถนนคนเดิน วัวลาย ( วันเสาร์) และถนนคนเดินท่าแพ (วันอาทิตย์) พบว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งคนในพื้นที่เชียงใหม่และนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัดเดินทางเข้ามาใช้บริการจับจ่ายซื้อของกันอย่างคึกคักซึ่งช่วยสร้างสภาพคล่องทางเศรษฐกิจในพื้นที่ได้เพิ่มมากขึ้น ด้านกลุ่มผู้ประกอบการขายของฝากของที่ระลึกย่านกาดหลวง ยอมรับว่าช่วงวันหยุดยาวมีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางเข้ามาซื้อของฝาก และมีทัวร์ต่างถิ่นมาเที่ยวซื้อของฝากและของที่ระลึก รวมทั้งมีมาตรการจากรัฐบาลที่ช่วยกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่อาทิโครงการกำลังใจ , โครงการเราไปเที่ยวกัน และโครงการเที่ยวปันสุข
ในส่วนของท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้รายงานสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางโดยเครื่องบินว่า เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2563 มีผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานเชียงใหม่จำนวน 9,896 คน วันที่ 26 กรกฎาคม 2563 จำนวน 8,989 คน วันที่ 27 กรกฎาคม 2563 จำนวน 8,521 คนและวันที่ 28 กรกฎาคม 2563 จำนวน 7,875 คน รวมทั้งสิ้น 35,281
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามสำหรับโครงการที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในจังหวัด หลังได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ในรอบแรกจังหวัดเชียงใหม่ได้รับอนุมัติงบประมาณจำนวน 60 กว่าล้านบาท จากงบประมาณที่เสนอขอไปกว่า 8 พันล้านบาท และล่าสุดสำนักงานสภาพพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้แจ้งผลการประเมินแผนงานโครงการเบื้องต้น ภายใต้แผนงาน 3.2 (รอบ 2) ในส่วนจังหวัดเชียงใหม่อีกประมาณ 220 ล้านบาท โดยแยกเป็นโครงการของส่วนราชการ/หน่วยงาน จำนวน 18 โครงการ งบประมาณ 217,758,600 บาท และ โครงการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 3 โครงการ งบประมาณ 2,165,000 บาท ซึ่งงบประมาณที่ได้รับมาจะช่วยกระตุ้นภาคเศรษฐกิจในพื้นที่ได้มากขึ้น
ทางด้านนายวรพงษ์ หมู่ชาวใต้ กล่าวว่า จากการสำรวจโรงแรมต่างระดับราคาและโลเกชั่นประมาณ 30 แห่งแล้ว คาดว่าอัตราการเข้าพักโรงแรมช่วง Long Weekend ของเชียงใหม่ 24-29 กรกฎาคม 2563 น่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 25% ส่วนวันธรรมดาหลังจาก 29 ก.ค. น่าจะประมาณ 5-10% แต่อัตราเข้าพักหลายแห่งยังเป็นศูนย์ ทั้งนี้โรงแรมที่มีห้องประชุมน่าจะได้รับโอกาสมากขึ้น ความต้องการของตลาดในประเทศน่าจะเป็นจุดหมายปลายทางทะเล ด้วยเหตุนี้ทางจังหวัดเชียงใหม่คงต้องระดมความเห็นกันว่าจะทำอย่างไรถึงกระตุ้นคนมาเชียงใหม่ได้
นายวรพงษ์ กล่าวด้วยว่า จังหวัดเชียงใหม่มีรายได้จากการท่องเที่ยว 60-70% มาตรการของรัฐที่ออกมาจำนวนมากจากหลายๆ ทิศทางยังไม่แรงพอที่จะทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวอยู่รอด เนื่องจากช่วงนี้เป็น Low Season ส่วน High Season ดูกันอีกที อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวคาดว่าประเมินค่อนข้างจะยากเพราะต้อพึ่งพานักท่องเที่ยว ในประเทศอย่างเดียว เพราะจากแคมเปญ” เราเที่ยวด้วยกัน”ก็ยังดูคลุมเครือออกสตาร์ทไม่โดนใจเท่าไร กระตุ้นการท่องเที่ยวให้หนาแน่นในพื้นที่ 200 กิโลเมตร รอบๆ กรุงเทพฯ และหากดูตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางโดยสายการบินแล้ว พบว่าจะบินไปเที่ยวกระบี่กันมาก ซึ่ง ททท. รายงานว่า กระบี่ถูกเลือกเป็นอันดับ 1.
