ผู้ว่าฯจี้แก้ปัญหาไฟไหม้ป่าและฝุ่นpm2.5 ให้แต่ละพื้นที่บูรณาการออกลาดตระเวนหลังพบการลักลอบเผาในพื้นที่ป่าทั้งอนุรักษ์และอุทยานในหลายอำเภอ โดยหลบเลี่ยงช่วงดาวเทียมตรวจจับจุดความร้อน สั่งเข้มงวดไม่ให้เข้าไปหาของป่าเด็ดขาด
เมื่อวันที่ 18 ก.พ.63 เวลา 09.30 น.นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เดินทางไปติดตามสถานการณ์ป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า ที่ศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กPM2.5 จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากคุณภาพอากาศในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นควันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วง 1-3 วันนี้คุณภาพอากาศอยู่ในระดับสีส้มเต็มพื้นที่
ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า เป็นที่น่าสังเกตว่า ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาดาวเทียมได้ตรวจจับจุดความร้อนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ แม้จำนวนจุดความร้อนจะเริ่มลดลงจากช่วง 3 วันก่อน แต่ในหลายพื้นที่และหลายจุดพบว่ามีระยะการเกิดไฟอยู่ใกล้กัน บางจุดดาวเทียมไม่สามารถตรวจจับจุดความร้อน แต่มาปรากฏในช่วงบ่ายขณะที่พื้นที่เผาไหม้ได้ขยายเป็นวงกว้าง แล้วเมื่อนำมาพิจารณาจุดที่เกิดไฟในพื้นที่ มีระยะห่างกันไม่มากนักซึ่งแสดงให้เห็นว่าการเกิดไฟในพื้นที่ดังกล่าวเกิดจากคนเข้าไปจุด
ตั้งแต่ 1 มกราคม-17 กุมภาพันธ์ 2563 จังหวัดเชียงใหม่มีจุดความร้อนสะสมจำนวน 3,839 จุด อยู่ในเขตป่าอนุรักษ์ 2,117 จุด ในเขตป่าสงวน 1,523 จุด เขตสปก.84 จุด พื้นที่เกษตร 30 จุด ริมทางหลวง 1 จุดและชุมชน 84 จุด โดยอำเภอที่พบจุดความร้อนสูงเป็นอันดับ 1 คือ อ.ฮอด 1,066 จุด รองลงมาคืออ.ดอยเต่า 506 จุด อ.จอมทอง 483 จุด อ.แม่แจ่ม 405 จุด อ.อมก๋อย 334 จุด อ.แม่แตง 188จุด อ.เชียงดาว 157 จุดและอ.แม่วาง 148 จุด ส่วนอำเภอที่เหลือพบจุดความร้อนไม่ถึงหลักร้อย
หลังจากหารือและพิจารณาถึงสาเหตุของการเกิดไฟไหม้พื้นที่ป่าแล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้มีข้อสั่งการให้ศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่น pm2.5 มีหนังสือถึงนายอำเภอทุกแห่งและสำเนาถึงแม่ทัพภาคที่ 3 ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ผบ.มทบ.33,ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่,ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16และผู้อำนวยการสำนักจัดการป่าไม้ที่ 1 โดยรายละเอียดในหนังสือสั่งการระบุว่า ได้ทำการตรวจสอบสภาพอากาศโดยทั่วไปของจังหวัดเชียงใหม่ พบว่าเกิดจุดความร้อน(Hot Spot) ในพื้นที่ ทั้งในเขตพื้นที่ป่าและพื้นที่ชุมชนเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดหมอกควันปกคลุมในพื้นที่เป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนโดยทั่วไป เพื่อให้การแก้ไขปัญหาดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จึงให้ศูนย์ฯอำเภอดำเนินการดังนี้
1.ให้ศูนย์ฯอำเภอทุกแห่งมอบหมายชุดปฏิบัติการประจำตำบล (ชปต.) บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทหาร และหน่วยป่าไม้ในพื้นที่ออกลาดตะเวน เพื่อป้องปรามและทำการประชาสัมพันธ์ให้กับราษฎรในพื้นที่ให้ปฏิบัติตามประกาศจังหวัดเชียงใหม่ เรื่องการห้ามเผาในที่โล่งทุกชนิด รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด หากพบการกระทำความผิดให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่
2.ให้ศูนย์ฯอำเภอขอความร่วมมือผู้มีอาชีพหาของป่า ล่าสัตว์ ให้งดเข้าป่าล่าสัตว์โดยเด็ดขาด
3.ให้มอบหมายผู้มีหน้าที่รับผิดชอบเร่งรัดแจ้งความดำเนินคดีทางกฎหมายในพื้นที่ที่เกิดการเผาไหม้จากจุดความร้อน(Hot Spot)
และ 4.ให้งดการบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่โดยเด็ดขาดในห้วงเวลานี้
ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวด้วยว่า แม้จะมีการเตรียมการมาอย่างเต็มที่ แต่ก็ต้องยอมรับปัญหาฝุ่นควันที่เกินค่ามาตรฐาน ซึ่งมีทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะทิศทางลมซึ่งควบคุมไม่ได้ ประกอบกับพื้นที่เชียงใหม่เป็นแอ่งกระทะ จะเห็นได้ว่าเมื่อสภาพอากาศปิด มีความกดอากาศและความหนาวเย็นทำให้ฝุ่นถูกกด ไม่ยกตัว ด้วยเหตุนี้จึงขอให้แต่ละพื้นที่มีการเพิ่มความชุ่มชื้น ฉีดพ่นน้ำ อย่างน้อยก็ช่วยชะล้างฝุ่นและการกระจายตัว และอยากขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนให้ช่วยกันรดน้ำต้นไม้รอบบ้านของตนเองด้วย คนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือหากต้องออกมาอยู่ที่โล่งแจ้งขอให้สวมใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นpm2.5 ซึ่งทางจังหวัดก็จะพยายามควบคุมสถานการณ์ต่างๆ ให้ดีขึ้นโดยเร็ว.