ผู้ว่าฯ ขอให้เจ้าหน้าที่จัดชุดออกลาดตระเวนพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า โดยเฉพาะพื้นที่รอบดอยหลวงเชียงดาว

ผู้ว่าฯ ขอให้เจ้าหน้าที่จัดชุดออกลาดตระเวนพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า โดยเฉพาะพื้นที่รอบดอยหลวงเชียงดาว

ผู้ว่าฯ ขอให้เจ้าหน้าที่จัดชุดออกลาดตระเวนพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า โดยเฉพาะพื้นที่ ในจุดบริเวณรอบดอยหลวงเชียงดาว รวมทั้งในพื้นที่เสี่ยงที่อำเภอประเมินว่าอาจจะเกิดไฟป่าและเป็นพื้นที่รอยต่อชายแดน โดยให้เพิ่มความถี่ให้มากขึ้น

วันที่ 20 เมษายน 2563 เวลา 09.00 น. นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นายคมสัน  สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมคณะทำงานศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมทั้งประชุมติดตามสถานการณ์ไฟป่ากับ 7 อำเภอ ที่เกิดจุดความร้อนมากที่สุด ได้แก่ อำเภอแม่แจ่ม เวียงแหง ฮอด กัลยาณิวัฒนา แม่แตง สะเมิง และอมก๋อย เพื่อติดตามปัญหาและแนวทางการปฏิบัติเพื่อลดจุดความร้อน

จากการรายงานเช้านี้พบว่าจุดความร้อน มีทั้งสิ้น  27 จุด ลดลงจากวานนี้ที่ตรวจพบ 32 จุด โดยเกิดในพื้นที่ 8 อำเภอ 13 ตำบล แบ่งเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 10 จุด ป่าอนุรักษ์ 15 จุด และเขตสปก. 2 จุด เบื้องต้นพบจุดความร้อนเกิดขึ้นมากที่สุดที่อำเภอแม่แจ่ม 7 จุด ส่วนที่อำเภอเวียงแหง แม้จะพบ 6 จุด แต่ทั้งหมดเกิดขึ้นในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ของตำบลเมืองแหง ซึ่งมีพื้นที่ติดกับชายแดน ต้องเดินเท้าเข้าไป เนื่องจากไม่มีถนนเข้าถึง การควบคุมไฟจึงต้องใช้เวลานานใน

ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เน้นย้ำในการวางแนวทางบริหารเชื้อเพลิงอย่างเป็นระบบและรัดกุม ซึ่งจะต้องมีการประสานหน่วยงานร่วมทั้งอุตุนิยมวิทยาเพื่อศึกษาทิศทางลม โดยในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมามีฝนตกและลมพายุเล็กน้อยในบางพื้นที่ แต่ฝนจริงๆจะมาในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม จึงต้องคำนึงถึงพื้นที่ที่มีเชื้อเพลิงสะสมในปริมาณมาก เพื่อไม่ให้เกิดมลพิษและฝุ่นควันที่กระทบต่อสุขภาพประชาชน

นอกจากนี้ ได้ขอให้กำลังเจ้าหน้าที่ยังคงออกลาดตระเวนพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอเชียงดาว ในจุดบริเวณรอบดอยหลวงเชียงดาว รวมทั้งในพื้นที่เสี่ยงที่อำเภอประเมินว่าอาจจะเกิดไฟป่า ซึ่งขณะนี้มีกำลังทหารอยู่ในพื้นที่จำนวน 50 นาย รวมถึงกำลังเจ้าหน้าที่เหยี่ยวไฟ กรมป่าไม้ , ชุดเสือไฟ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และเจ้าหน้าของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมนำอุปกรณ์ดับไฟและเครื่องเป่าลมสมทบช่วยดับไฟป่า ร่วมกับกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนในพื้นที่ ซึ่งอำเภอเชียงดาวมีพื้นที่ที่เป็นผืนป่าจำนวนมาก และเป็นพื้นที่รอยต่อชายแดน โดยให้เพิ่มความถี่ในการออกลาดตะเวนมากขึ้น เพื่อป้องกันและป้องปรามการลักลอบจุดไฟเผาป่า ควบคู่กับให้เพิ่มการออกประชาสัมพันธ์ตามชุมชนแบบเข้มข้น เนื่องจากยังคงมีประชาชนบางส่วนยังไม่ทราบถึงประกาศห้ามเผาในที่โล่งเด็ดขาด จึงต้องอาศัยเสียงตามสายในหมู่บ้าน และการใช้ปราญชาวบ้าน หรือผู้นำจิตวิญญาณในแต่ละชุมชนเข้าไปช่วยเจ้าหน้าที่ภาครัฐ เพื่อสร้างการรับรู้ได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น.

 

You may also like

เริ่มแล้วกับงาน“AMAZING CHIANG MAI COUNTDOWN 2025”เข้าชมฟรีททท.คาดเงินสะพัด3.5 พันล้านบาท เผยยอดจองที่พักพุ่งกว่า 91%

จำนวนผู้