“วันมูหะมัดนอร์ มะทา”นำทีมพรรคประชาชาติพบชนชาติพันธุ์ในภาคเหนือ เปิดเวทีสัมมนา ชูการเมืองระบอบประชาธิปไตยกับสังคมพหุวัฒนธรรม ชี้ประเทศยังประสบปัญหาประชาธิปไตยและเศรษฐกิจ ยัน 7 พรรคฝ่ายค้านเหนียวแน่นพร้อมเดินหน้านำประชาธิปไตยกลับคืน
เมื่อวันที่ 23 พ.ย.62 ที่โรงแรมวินทรีซิตี้เชียงใหม่ พรรคประชาชาติ จัดอบรมสัมมนาเรื่อง การเมืองระบอบประชาธิปไตยกับสังคมพหุวัฒนธรรม นำโดย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ พร้อมด้วย พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ, ดร. ยุทธพล อิสระชัย สาขาภาควิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมธิราช, ร้อยตำรวจเอก ดร.นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ และนางสาวลักขณา ปันวิชัย (หรือคำผกา )และนักเขียนและพิธีกร ร่วมเวทีสัมมนาให้ความรู้กับสมาชิกพรรคและประชาชน กลุ่มชนชาติพันธุ์ ในจังหวัดเชียงใหม่และลำพูนประมาณ 300 คน
นายสุธีรพันธ์ สุขวุฒิชัย หัวหน้าสาขาพรรคประชาชาติภาคเหนือ จังหวัดลำพูน กล่าวรายงานว่า การจัดอบรมสัมมนาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้สมาชิกพรรคและประชาชนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยได้มีความรัก ความเข้าใจ ในมนุษยชาติและการอยู่ร่วมกัน พร้อมกันนี้เพื่อเป็นการสร้างความสมานฉันท์แลกเปลี่ยน แบ่งปันความรู้ ความคิดตลอดจนวัฒนธรรมให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ สังคมและเพื่อให้กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า มีบทบาท มีสิทธิ์ มีเสียงในเรื่องการเสนอความคิดแนวทางในการแก้ไขปัญหาการเมือง เพื่อให้เป็นระบอบประชาธิปไตย เนื่องจากภาคเหนือนั้นมีประชากรหลากหลายชาติพันธุ์ หลากหลายค่านิยม ตลอดจนวัฒนธรรม ซึ่งมีประชากรชาติพันธุ์จำนวนไม่น้อยยังประสบปัญหาในการดำรงชีวิตในสังคมประชาธิปไตย โดยเฉพาะการเข้าไม่ถึงสิทธิ์ประโยชน์ในสวัสดิการสังคมด้านต่างๆ และการขาดการมีส่วนร่วมทางการเมือง เนื่องจากไม่มีสัญชาติไทย และปัญหาอื่นๆ อีกมากมายจึงได้ทำให้พรรคประชาชาติเล็งเห็นความสำคัญในเรื่องนี้
ทางด้านนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เปิดเผยว่า วันนี้เป็นกิจกรรมของพรรคประชาชาติ โดยการสนับสนุนกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคได้ก่อตั้งมาครบ 1 ปี เพื่อมาให้มาพบปะกับสมาชิกพรรคการเมือง เพื่อความรู้เกี่ยวกับการเมืองและเศรษฐกิจให้กับประชาชนและสมาชิกเพื่อให้ประชาชนได้มีความรู้ ซึ่งถือว่ามีประโยชน์มากโดยจัดขึ้นครบทุกภาคแล้ว เป็นการรายงานให้กับสมาชิกและประชาชนทราบว่าตั้งแต่ ตั้งพรรคประชาชาติและรับเลือกตั้งไปแล้ว ทางพรรคได้ทำอะไรไปบ้างรวมไปถึงรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนว่าต้องการให้ทางพรรคประชาชาติช่วยเหลืออะไรบ้าง
หัวหน้าพรรคประชาชาติ ยังกล่าวบนเวทีอีกว่า ในนามหัวหน้าพรรคประชาชาติ ถึงแม้จะเป็นพรรคฝ่ายค้าน และเป็นพรรคเล็กที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)เพียง 7 คน แต่เมื่อส.ส.ของพรรคได้นำเสนอปัญหาต่างๆ ขึ้นไปในสภาฯ หลายฝ่ายก็ยังให้การตอบรับ และฟังเสียง นับตั้งแต่มีการเลือกตั้งและได้รัฐบาลบริหารประเทศจนถึงทุกวันนี้ จะพบว่าปัญหาใหญ่ที่ประเทศไทยประสบคือปัญหาประชาธิปไตยและปัญหาเศรษฐกิจที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน
ขณะที่พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้แป็นการส่งเสริมให้สมาชิกนำประชาธิปไตยกลับมาสู่บ้านเมือง รวมทั้งมาส่งเสริมประชาธิปไตย ให้กับกลุ่ม 70 ชาติพันธุ์ ให้ทุกคนต้องมีสิทธิเท่าเทียมกัน ทุกวัฒนธรรมต้องมีโอกาสเข้าถึงประชาธิปไตยได้ทุกคน มีสิทธิเสรีภาพ โดยเฉพาะด้านกฎหมาย ไม่ใช่ง่อยเปลี้ยเสียขา พรรคประชาชาติต้องการให้ประชาชนตระหนัก ในระบอบประชาธิปไตย โดยคาดหวังเมื่อบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยแล้วประชาชนจะอยู่ดี กินดีขึ้น
“บ้านเมืองเรายังมีปัญหาความเหลื่อมล้ำ ซึ่งต้องทำให้เป็นรัฐสวัสดิการ และการส่งเสริมประชาธิปไตยแบบพหุวัฒนธรรมเป็นเรื่องที่ท้าทาย และเราเชื่อว่าการแก้ปัญหาโดยสันติวิธีจะนำสันติสุขมาสู่ประชาชน ที่ผ่านมาบ้านเมืองเราใช้การบังคับจากวัฒนธรรมหนึ่งไปสู่อีกวัฒนธรรม จึงทำให้เกิดปัญหา ความขัดแย้งและไม่สงบสุข วันนี้เราต้องทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยก่อนและเป็นโจทย์ใหญ่ ซึ่งต้องแก้รัฐธรรมนูญ ต้องทำให้ประชาชนอยู่ดี กินดี ทำกฎ กติกาที่เป็นธรรม และทำให้ผู้นำเป็นคนดี ผู้นำจะต้องรักษาสัจจะ แต่วันนี้เรายังมีผู้นำที่ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ”พ.ต.อ.ทวี กล่าวช่วงหนึ่งบนเวทีปราศรัย
นอกจากนี้รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ถูกศาลตัดสินพ้นจากสมาชิกภาพส.ส.ว่าแม้ว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่จะถูกศาลตัดสิทธิ์ ไม่ได้เป็นส.ส.ไม่ได้เข้าสภาฯ ในฐานะที่พรรคประชาชาติเป็น 1 ใน 7 พรรคการเมืองฝ่ายค้าน การตัดสิทธิ์นายธนาธรก็ไม่ได้มีผลต่อการเป็นการพรรคฝ่ายค้าน เนื่องจากทางฝ่ายค้านมียุทธศาสตร์ร่วมอยู่แล้ว และอาจจะเข้มแข็งกว่าเดิม เพราะประชาชน 6 ล้านคนเลือกนายธนาธร แต่มาถูกตัดสิทธิ์จากคน 5 คน อย่างไรก็ตามเชื่อว่าเราก็จะทำให้กระแสในการที่จะทำให้บ้านเมืองมาสู่ประชาธิปไตยมีความเด่นชัดขึ้น และการทำงานของ 7 พรรคฝ่ายค้านก็ยังเป็นเอกภาพเช่นเดิม.