แม่ทัพน้อยที่ 3 ประชุมทางไกลร่วมกับผู้ว่าฯ 9 จังหวัดเผยพายุฝนทำให้สถานการณ์หมอกควันคลี่คลาย ย้ำการลาดตระเวนร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่กับจิตอาสาป้องปรามการเกิดจุดความร้อน ขณะที่รองแม่ทัพภาคที่ 3 ชี้อย่าวางใจวอนทุกจังหวัดกำชับนายอำเภอสรุปสาเหตุปัญหาและการแก้ไขของแต่ละพื้นที่เพื่อนำไปวางเป็นแนวทางทำงานสำหรับปีหน้า
สถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือเริ่มคลี่คลาย ภายหลังเกิดฝนตกในหลายพื้นที่ เช้าวันนี้ (18 เม.ย.62) พล.ท.สุภโชค ธวัชพีระชัย แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับภาคส่วนหน้า ประชุมวีดีโอคอนเฟอเร้น ร่วมกับกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย 9 จังหวัด เพื่อติดตามสถานการณ์ปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ โดยเน้นย้ำการลาดตระเวน ป้องปรามและสร้างแนวกันไฟอย่างต่อเนื่อง
แม่ทัพน้อยที่ 3 กล่าวว่า สถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือเริ่มคลี่คลาย ภายหลังเกิดฝนตกในหลายพื้นที่ ซึ่งกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย 9 จังหวัดจะต้องติดตามสถานการณ์ปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นย้ำการการลาดตระเวนร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่และจิตอาสาในชุมชน ตลอดจนสร้างแนวกันไฟในพื้นที่เสี่ยง เพื่อป้องปรามการเกิดจุดความร้อน เนื่องจากอากาศช่วงนี้เกิดความร้อนมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดไฟป่าได้ตลอดเวลา
ทั้งนี้ข้อมูลค่าจุดความร้อนสะสมประจำปี 2562 ตั้งแต่ 1 มกราคม ถึง 17 เมษายน 2562 ใน 9 จังหวัดภาคเหนือเกิดจุดความร้อนสะสม จำนวน 7,947 จุด เกิดในพื้นที่อนุรักษ์ จำนวน 3,708 จุด , ในพื้นที่ป่าสงวน จำนวน 3,660 จุด และในเขต สปก.จำนวน 239 จุด
สำหรับการใช้อากาศยาน mi17 ในวันนี้จะบินตักน้ำช่วยดับไฟในพื้นที่ อ.แม่จัน อ.แม่สรวย ส่วนอากาศยานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะบินดับไฟในพื้นที่ อ.เวียงป่าเป้า จว.เชียงราย เนื่องจากยังเกิดจุดความร้อนต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลดาวเทียมระบบ VIIRS ตรวจพบจุดความร้อน Hotspot จำนวน 307 จุด ณ วันที่ 18 เม.ย 62 เวลา 0136 น.มากสุดคือจังหวัดเชียงราย 102 จุด ลำปาง จำนวน 54 จุด ตาก 52 จุด แพร่ 32 จุด เชียงใหม่ 28 จุด แม่ฮ่องสอน 27 จุด พะเยาและน่านพบจังหวัดละ 6 จุดและลำพูนไม่พบจุดความร้อน
พลตรีบัญชา ดุริยพันธ์ รองแม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า แม้จะมีพายุ ฝนเกิดขึ้นในหลายพื้นที่แต่ภารกิจในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันภาคเหนือยังไม่จบ โดยได้ประสานแจ้งผ่านกลุ่มไลน์ควบคุมสถานการณ์หมอกควันไฟป่ากองทัพภาคที่ 3 ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด 9 จังหวัดภาคเหนือว่า จาก กรณีปัญหาวิกฤติไฟป่าหมอกควันครั้งนี้ คงต้องรบกวนผู้ว่าราชการจังหวัดให้นายอำเภอที่มีวิกฤติไฟป่าหมอกควัน จัดการประชุม สัมมนาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อหาข้อสรุปหมวดหมู่ ปัญหาและแนวทางแก้ไขต่างๆ ในแต่ละพื้นที่ก็คงมีปัญหาไม่เหมือนกัน
“ยกตัวอย่างเชียงรายไม่เคยมีไฟไหม้มากเท่านี้ทำไมถึงมี เป็นต้น ปัญหาต่างๆ มีมูลเหตุของมัน ต้องใจกว้างเปิดรับและคุยกันอย่างเต็มระบบ ไม่ว่าจะแง่การบริหารจัดการคน, ยุทโธปกรณ์และงบประมาณและระบบทำงาน ตลอดจนวาทกรรมต่างๆ ที่พูดกันไป หรือแม้แต่ การบังคับใช้กฎหมายและบทลงโทษมีควรปรับปรุง ตลอดจนปัญหาที่เกิดในพื้นที่ป่าเขาที่คนเข้าไปเผาเพื่อทำการเกษตรหรืออะไรก็แล้วแต่ แล้วเกิดความรุนแรง เป็นวิกฤตประเทศ”รองแม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวและว่า
นอกจากนี้ยังฝากให้แต่ละจังหวัดให้เจ้าหน้าที่สารสนเทศติดตามข้อมูลข่าวสารการแจ้งพบเหตุเกิดไฟป่าในสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะเฟซบุ๊ค เพื่อความรวดเร็วในการเข้าไปดับไฟด้วย.