สมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือตอนบนจัดงาน Hotels  Meet Local Agents Event หวังขับเคลื่อนธุรกิจท่องเที่ยว

สมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือตอนบนจัดงาน Hotels  Meet Local Agents Event หวังขับเคลื่อนธุรกิจท่องเที่ยว

          สมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือตอนบนจัดงาน Hotels  Meet Local Agents Event  กระชับความสัมพันธ์ของโรงแรมและบริษัทนำเที่ยว ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจท่องเที่ยว หวังเกิดการอัพเดทแลกเปลี่ยนข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ในการต้อนรับนักท่องเที่ยว รวมทั้งกระตุ้นกิจกรรมทางการตลาดและการเจรจาทางธุรกิจ

เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2565 ที่โรงแรมมีเลีย เชียงใหม่ สมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ (ตอนบน) จัดงาน Hotels  Meet Local Agents Event  ซึ่งเป็นงานพบปะเจรจาซื้อขายครั้งแรก ระหว่างผู้ประกอบการโรงแรมและผู้ประกอบการนำเที่ยวใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน  เพื่อเป็นการขับเคลื่อนธุรกิจท่องเที่ยวของเชียงใหม่และภาคเหนือตอนบน ภายหลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย

นายภูณัช ธนาเหล่าพานิช นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ(ตอนบน)  เปิดเผยว่า การจัดงาน Hotels Meet Local Agents Event ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ของโรงแรมและบริษัทนำเที่ยว เนื่องจากทั้งสองเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจท่องเที่ยวของจังหวัด และเพื่อเป็นการอัพเดทแลกเปลี่ยนข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ในการต้อนรับนักท่องเที่ยว รวมถึงกระตุ้นกิจกรรมทางการตลาดและการเจรจาทางธุรกิจ เชื่อมแหล่งท่องเที่ยวเมืองรองกับจังหวัดเชียงใหม่และกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัด  โดยครั้งนี้มีผู้ประกอบการกว่า 100 รายที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ และมีผู้ซื้อ หรือBuyer ในภาคเหนือ อาทิ เชียงใหม่ เชียงราย ลำปางและน่าน

นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคเหนือ ยังกล่าวอีกว่า สำหรับยอดจองห้องพักในปัจจุบันเริ่มดีขึ้น โดยมียอดจองที่พักอยู่ประมาณ 60% โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย ขณะที่ชาวต่างชาติที่เข้ามาส่วนใหญ่จะเป็นอเมริกา ยุโรปและอินเดีย มีมาเลเซียบ้าง

ทางด้านนางสาวสุลัดดา ศรุติลาวัณย์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเชียงใหม่ กล่าวถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ เริ่มมีทิศทางเป็นบวกมากขึ้น โดยพบว่าครึ่งปีแรก 2565 ตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน มีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวประมาณ 4 ล้านคน อย่างไรก็ตามนักท่องเที่ยวคนไทยยังมีสัดส่วนมากที่สุด มีอัตราการเข้าพักโรงแรมอยู่ที่ราว 50% รายได้การท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีนี้อยู่ที่ราว 25,000 ล้านบาท และคาดว่าเมื่อถึงสิ้นปี 2565 รายได้การท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่จะอยู่ที่ราว 55,000 ล้านบาท กล่าวคือ เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ที่รายได้อยู่ที่ราว 1 แสนล้านบาท

ขณะที่นายณัฐพล บรรพกาญจน์ ผู้บริหารจากสายการบินเวียดเจ็ท แอร์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา สายการบินเวียดเจ็ท แอร์ ได้กลับมาเปิดเส้นทางบินโฮจิมินห์-เชียงใหม่-โฮจิมินห์อีกครั้ง หลังจากหยุดการบินนับตั้งแต่ปี 2563 เนื่องจากเกิดสถานการณ์โควิด-19 โดยพบว่าการเปิดบินวันแรกมีผู้โดยสารเต็มความจุเครื่องราว 90% ซึ่งมีทั้งผู้โดยสารชาวเวียดนาม (กรุ๊ปทัวร์) และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศเวียดนามแล้วบินมาเที่ยวต่อที่จังหวัดเชียงใหม่ นับว่าเป็นเส้นทางบินที่มีศักยภาพมาก โดยจะทำการบิน 3 ไฟลท์ต่อสัปดาห์ ทุกวันอังคาร วันพฤหัสบดี และวันอาทิตย์ นับเป็นเส้นทางบินระหว่างประเทศ ที่ทำการบินตรงจากท่าอากาศยานเชียงใหม่

นอกจากนี้ สายการบินเวียดเจ็ท แอร์ กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาเส้นทางระหว่างประเทศ ที่บินจากเชียงใหม่ไปยังประเทศญี่ปุ่น ได้แก่ เมืองฟูกูโอกะ (Fukuoka) และเมืองโอซาก้า (Osaka) ซึ่งพบว่ามีดีมานด์ผู้โดยสารจากประเทศญี่ปุ่นที่สนใจเดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่ แต่ทั้งนี้ก็ต้องศึกษาตลาดเชียงใหม่ด้วยว่ามีดีมานด์ที่จะไปประเทศญี่ปุ่นมากน้อยแค่ไหนด้วย.

 

You may also like

ทอท.เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น ประชาชนในรัศมี 5 กม. จากสนามบินเชียงใหม่ ครั้งที่ 2 เกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(EIA)โครงการพัฒนาสนามบินเชียงใหม่

จำนวนผู้