เชียงใหม่จับมือเผาฝ่าฝืนประกาศจังหวัดแล้ว 9 ราย เชียงดาว 7 ขณะที่เวียงแหงส่งให้ทหารนำไปปรับทัศนคติ

เชียงใหม่จับมือเผาฝ่าฝืนประกาศจังหวัดแล้ว 9 ราย เชียงดาว 7 ขณะที่เวียงแหงส่งให้ทหารนำไปปรับทัศนคติ

เชียงใหม่จับมือเผาฝ่าฝืนประกาศจังหวัดแล้ว 9 ราย เชียงดาว 7 ขณะที่เวียงแหงนายอำเภอให้มือเผาไปช่วยดับไฟและส่งตัวให้ทหารนำไปปรับทัศนคติ ด้านผวจ.เชียงใหม่วอนประชาชนเข้าใจและให้กำลังใจชุดดับไฟที่ทุ่มเทเต็มที่ ชี้รอบบ้านค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินค่ามาตรฐาน ขณะที่เชียงใหม่ค่าเฉลี่ยยังไม่เกิน

นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ว่า ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ pm10 จากการตรวจวัดและรายงานผลรายชั่วโมงพบว่าเชียงใหม่มีค่าเกินมาตรฐานไปแล้วเมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมาในช่วงเวลา 13-14.00 น. อย่างไรก็ตามค่าเฉลี่ยที่ยึดเอาตามช่วงเวลา 09.00 น. ล่าสุดวันนี้(21 มี.ค.)อยู่ที่ 118 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ยังถือว่าไม่เกินค่ามาตรฐาน ขณะที่จังหวัดเชียงราย แม่ฮ่องสอนและลำปางค่าตรวจวัดที่ได้เกินค่ามาตรฐานไปแล้วติดต่อกันหลายวัน

ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า สิ่งที่อยากจะขอความร่วมมือและช่วยประชาสัมพันธ์คือการสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ได้รับทราบว่าทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามกันอย่างเต็มที่ในการทำงาน แต่เนื่องจากขณะนี้หากมองจากภาพถ่ายดาวเทียมจะพบว่าในประเทศเพื่อนบ้านและจังหวัดโดยรอบของเชียงใหม่คุณภาพอากาศแย่ลงอันเนื่องจากพบจุดความร้อนจากการเผาป่าจำนวนมาก

“หากจะดูพื้นที่ที่ถูกเผาไหม้ตัวเลขเมื่อปี 2559 อยู่ที่ 1.4 ล้านไร่ ในขณะนี้อยู่ในช่วง 60 วันห้ามเผาเราทำได้และอยู่ในช่วงกลางเดือนมีนาคมแล้ว ปัจจุบันมีพื้นที่ป่าที่ถูกเผาไหม้เพียง 2.6-2.7 แสนไร่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สามารถเข้าไปดับได้เร็ว จึงทำให้ความเสียหายลดลงและกลุ่มคนที่เข้าไปช่วยกันดับไฟก็มีการบูรณาการจากทุกภาคส่วนตั้งแต่ระดับชุมชน คนในพื้นที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ จึงอยากขอกำลังใจจากคนเมือง คนเชียงใหม่ส่งให้กับผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ด้วย”นายปวิณ กล่าว

ด้านนายสมคิด ปัญญาดี ผอ.ส่วนสิ่งแวดล้อม สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันในช่วง 60 วันห้ามเผาตั้งแต่ 20 ก.พ.-20 มี.ค.2560 มีจุดความร้อนหรือ Hot Spot เกิดขึ้นทั้งสิ้น 384 จุด อำเภอที่มีจุดความรอ้นสูงสุดคืออ.ฮอด 75 จุด เชียงดาว 59 จุดและดอยเต่า 43 จุด ส่วนใหญ่เกิดในอำเภอทางโซนใต้ของจังหวัดและเริ่มเพิ่มมากขึ้นในโซนกลางและโซนเหนือโดยพื้นที่ส่วนใหญ่ยังเป็นป่าอนุรักษ์ ป่าสงวนและพื้นที่ชุมชน

ผอ.ส่วนสิ่งแวดล้อม สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวอีกว่า จากการประชุมศูนย์สั่งการแก้ไขไฟป่าและหมอกควันมีข้อสั่งการโดยให้ทุกอำเภอสำรวจพื้นที่เสี่ยงร่วมกับประชาชน และหน่วยงานในพื้นที่ โดยเน้นจุดที่ไม่เคยเกิดไฟไหม้ย้อนหลัง 2 ปี  ให้ศูนย์อำนวยการสั่งการฯ ระดับอำเภอ และตำบล จัดชุดลาดตระเวนร่วมกัน โดยให้ปลัดฝ่ายความมั่นคง หรือ กำนัน เป็นหัวหน้าชุด  ให้สำรวจกำลังพลสนับสนุนเพื่อความร่วมมือดูแลพื้นที่ และในระดับหมู่บ้านให้ผู้ใหญ่บ้านจัดชุดลาดตระเวน(ชรบ.) ในหมู่บ้านของตน โดยเน้นย้ำบูรณาการทำงานทุกหน่วยในพื้นที่ จัดชุดลาดตระเวน  ปรับเปลี่ยนยุทธวิธีให้มีความชัดเจน และอาจต้องสับเปลี่ยนกำลังในบางจุด

“สำหรับช่วงที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการจับกุมผู้ที่ฝ่าฝืนประกาศจังหวัดเชียงใหม่ 60 วันห้ามเผาเราทำได้หลายราย โดยที่อ.เชียงดาวมีการจับกุมดำเนินคดีจำนวน 7 ราย อำเภอสันป่าตอง 1 รายและที่อ.เวียงแหงอีก 1 ราย ซึ่งทางอำเภอได้ใช้วิธีลงโทษโดยให้คนที่เผาไปร่วมดับไฟ และให้ทหารนำไปปรับทัศนคติเป็นเวลา 7 วันด้วย”นายสมคิด กล่าวชี้แจง

ขณะที่พ.อ.ประสาน   ไกรสิงหเดชา รองเสนาธิการ ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับภาค ส่วนหน้า ร่วมกับนายสมหวัง   เรืองนิวัติศัย ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16  ,นายชานนท์   คำทอง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ ได้ร่วมกันหารือการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ – ปุย เพื่อสนธิกำลังระหว่างทหาร พลเรือนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่วางมาตรการการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ – ปุย ซึ่งเป็นพื้นที่ล่อแหลมต่อการเกิดไฟป่าของจังหวัดเชียงใหม่

นายชานนท์ คำทอง ผู้อำนวยการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า เนื่องจากช่วงนี้เชียงใหม่มีสภาพฟ้าหลัวติดต่อกันมาหลายวัน ซึ่งจริงๆ ค่าตรวจวัดคุณภาพอากาศยังไม่เกินค่ามาตรฐาน แต่อย่างไรก็ตามทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและทางกองทัพบกก็มีความห่วงใยในสถานการณ์และห่วงใยผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนจึงได้เน้นย้ำในเรื่องของการปรับแผนการทำงานเพื่อให้ทันกับสถานการณ์ จากแผนงานที่มีอยู่แล้วและทำได้ดี แต่ก็ให้เพิ่มของเรื่องการลาดตระเวนมากขึ้นซึ่งมีทั้งการลาดตระเวนทางอากาศและพื้นดิน โดยในส่วนของการลาดตระเวนทางอากาศจะเป็นการขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตรวจดู ส่วนการลาดตระเวนภาคพื้นดินก็บูรณาการทุกภาคส่วนซึ่งนอกจากจะได้พบและดำเนินการดับไฟได้เร็วแล้วยังเป็นการป้องปรามที่ดีอีกด้วย

นายสิทธิศักดิ์ อภิกุลชัยสุทธิ์ นายอำเภอเวียงแหง รายงานว่า เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2560 ผ่านมา ได้มอบหมายให้กำลังอาสาสมัครรักษาดินแดน อำเภอเวียงแหง ร่วมกับทหาร ร้อย. ม.1, ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบ้านห้วยหก หมู่ที่ 5 ตำบลเมืองแหง อำเภอเวียงแหง เข้าตรวจสอบ ติดตามตัวผู้กระทำความผิด กรณีลักลอบเผาป่า และพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต จากเหตุไฟไหม้ป่าใกล้หย่อมบ้านห้วยหญ้าไทร บ้านห้วยหก หมู่ที่ 5 ต.เมืองแหง ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 1 ราย นำไปตรวจเช็คร่างกาย ที่โรงพยาบาลเวียงแหง เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บ คาดว่ามาจากการวิ่งหลบหนีในวันเกิดเหตุ

สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุไฟไหม้บริเวณดังกล่าว เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2560 ผ่านมา จึงประกอบกำลังชุดปฏิบัติการประชารัฐ เข้าดับไฟ จุดแรก ประมาณ เวลา 12.00 น. จนสามารถควบคุมเพลิงได้ ในเวลา 14.30 น. ขณะที่จะเดินทางกลับก็ได้เกิดไฟไหม้ขึ้นอีกในบริเวณใกล้กัน ไฟได้ลุกลามอย่างรวดเร็ว และได้เห็นกลุ่มชาย 3 คน สะพายอาวุธปืนยาวไม่ทราบยี่ห้อ ขับรถจักรยานยนต์ 2 คัน ออกจากจุดที่เกิดไฟไหม้ดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงเข้าแสดงตัว เพื่อตรวจค้น/จับกุม แต่ชายทั้ง 3 คน ทิ้งรถจักรยานยนต์ วิ่งหลบหนีเข้าไปในป่า แม้จะพยายามไล่ติดตาม แต่ไม่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ จึงได้ตรวจยึดรถจักรยานยนต์และอาวุธปืนลูกซองยาว(ไทยประดิษฐ์) ไว้เป็นหลักฐาน และ เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันดับไฟ ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมงจึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ รวมเนื้อที่ความเสียหายทั้ง 2 จุด ประมาณ 100 ไร่

ทั้งนี้ ผู้ต้องหาที่จับกุมได้ ถูกนำตัวเข้าไปปรับทัศนคติ ที่ฐานทหาร ร้อย. ม.1 และนำตัวออกไปช่วยดับไฟด้วยทุกครับ เป็นเวลา 7 วัน ส่วนที่หลบหนีจะได้ติดตามตัวมาดำเนินคดี และปรับทัศนคติต่อไป

You may also like

คณะแพทยศาสตร์ มช. แถลงข่าว 65 ปี ตอกย้ำบทบาทและความก้าวหน้า

จำนวนผู้