เชียงใหม่เชื่อจัดโซนกำหนดเวลาคุมการเผาเชื้อเพลิงกว่า 1 แสนไร่ใน 23 อำเภอเพื่อเตรียมพื้นที่เกษตรได้

เชียงใหม่เชื่อจัดโซนกำหนดเวลาคุมการเผาเชื้อเพลิงกว่า 1 แสนไร่ใน 23 อำเภอเพื่อเตรียมพื้นที่เกษตรได้

เชียงใหม่คลายมาตรการหลังครบประกาศห้ามเผาเด็ดขาดสิ้นสุด เผย 23 อำเภอแจ้งพื้นที่การเกษตรรอเผากว่า 1 แสนไร่ พร้อมกำหนดโซน ช่วงเวลาโดยอนุญาตเฉพาะเจ้าของที่ดินทำกินแต่ต้องแจ้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ก่อน ขณะที่อาทิตย์แรกห้ามอำเภอทิศใต้ของตัวเมืองเชียงใหม่ให้ระงับการเผาไว้ก่อน เหตุจะมีลมพัดเข้าสู่ตัวเมือง ผู้ว่าฯแจงหากอากาศกลับมาวิกฤตอาจจะมีการทบทวนมาตรการใหม่

วันที่ 30 เม.ย.62 ที่ห้องประชุม 4 อาคารอำนวยการศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานแถลงข่าวสื่อมวลชนประจำสัปดาห์ โดยกล่าวถึงแนวทางปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า ภายหลังประกาศจังหวัดเชียงใหม่ในมาตรการห้ามเผาเด็ดขาดครบกำหนดว่า จังหวัดเชียงใหม่ได้มีประกาศจังหวัดห้ามเผาเด็ดขาดมาตั้งแต่วันที่ 13 กมุภาพันธ์-30 เม.ย.62 ซึ่งเป็นการเลื่อนระยะเวลาจากเดิมที่กำหนดไว้ตั้งแต่ 1 มี.ค.-30 เม.ย.62 เนื่องจากคุณภาพอากาศไม่ดีและมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน

“เมื่อพ้นกำหนดช่วงห้ามเผา ทางจังหวัดได้มีการประชุมหารือร่วมกับทางนายอำเภอทั้ง 25 อำเภอไปเมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมมีมติว่าจะให้มีการเผาเพื่อเตรียมพื้นที่ทางการเกษตรเฉพาะในที่ดินทำกินของเกษตรกรเท่านั้น แต่หากมีการเข้าป่า ล่าสัตว์และมีการเผาถือว่าทำผิดกฎหมาย ได้มอบหมายให้ทางสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 และสำนักจัดการป่าไม้ที่ 1 ซึ่งดูแลพื้นที่ป่าอุทยานฯและป่าอนุรักษ์เป็นผู้รับผิดชอบ”ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวและว่า

ในการเผาเพื่อเตรียมพื้นที่ทางการเกษตรนั้น จะมีการจัดโซนนิ่งและกำหนดระยะเวลาให้เหลื่อมกัน โดยผู้ที่จะเผาเศษวัชพืชจะต้องแจ้งให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านได้ทราบก่อน และต้องควบคุมการเผาให้อยู่ในพื้นที่การเกษตรของตนเอง หากมีไฟลุกลามออกนอกพื้นที่จะต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าหากคุณภาพอากาศเริ่มวิกฤตที่มีผลต่อสุขภาพของประชาชนก็จะมีการพิจารณาอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างใด

ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวอีกว่า สำหรับห้องปลอดฝุ่นหรือเซฟตี้โซน ที่อาคารเอสเอ็มอี ในศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ 7 รอบพระชนมพรรษาจังหวัดเชียงใหม่ ห้องโถงใหญ่จะปิดให้บริการ คงเหลือแต่ศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาหมอกควันฯ ซึ่งยังต้องใช้ทำงานในการประกอบเครื่องฟอกอากาศส่งให้กับอำเภอต่างๆ  เพราะในอนาคตเซฟตี้โซนจะเข้าไปอยู่ในระบบสารสนเทศของจังหวัดที่ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ว่าในช่วงที่คุณภาพอากาศวิกฤตจะสามารถไปใช้บริการห้องปลอดภัยจากฝุ่นได้ที่ไหนบ้าง

“สำหรับชุดเสือไฟของกรมอุทยานฯ ก็จะยังคงปฏิบัติหน้าที่กันอยู่ในพื้นที่ จังหวัดเชียงใหม่มีพื้นที่กว่า 10 ล้านไร่ จะต้องใช้ความพยายามในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ดี เพื่อสุขภาพที่ดีของพี่น้องประชาชนด้วย”นายศุภชัย กล่าว

ทางด้านนายสรัชชา สุริยกุล ณ อยุธยา ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จังหวัดเชียงใหม่มีพื้นที่ป่ากว่า 10 ล้านไร่ในช่วงที่ผ่านมาแม้จะพบจุดความร้อนในพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-29 เม.ย.62 สะสมถึง 1,517 จุด เทียบกับห้วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น 880 จุดและในช่วงวันห้ามเผาดาวเทียม MODIS ซึ่งเป็นดาวเทียมที่ตรวจพบร่องรอยการเผาไหม้และเป็นวงกว้างพบมีจุดความร้อนสุสมในพื้นที่เชียงใหม่ 1,033 จุด ขณะที่ดาวเทียม VIIRS ตรวจพบจุดความร้อนสะสมทั้งหมด 14,754 จุดและช่วงห้ามเผาเด็ดขาดตรวจพบ 10,447 จุด มากสุดที่อ.เชียงดาว สะเมิง แม่แจ่ม แม่แตงและพร้าว

“อย่างไรก็ตามตั้งแต่ 1 ม.ค.-16 มี.ค.62 จังหวัดเชียงใหม่เกิดพื้นที่เผาไหม้จากการวิเคราะห์ด้วยดาวเทียม Landsat-8 ทั้งหมด 374,313 ไร่ แยกเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 335,432 ไร่ และป่าอนุรักษ์ 19,641 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 86.61และ 5.25%   ของพื้นที่ป่าทั้งหมดที่มีกว่า 10 ล้านไร่ซึ่งถือว่ายังน้อยมาก และก่อนที่จะหมดช่วงมาตรการห้ามเผาได้มีการประชุมร่วมกันกับนายอำเภอและ 9 จังหวัดภาคเหนือแล้วถึง 3 รอบ โดยสรุปคือนับจากวันนี้(30 เม.ย.)ให้นายอำเภอไปประชุม กำนัน ผู้ใหญ่บ้านเพื่อเช็คข้อมูลในพื้นที่เพื่อเตรียมกำจัดวัชพืชและเตรียมพื้นที่การเกษตร”ผอ.ทสจ.เชียงใหม่ กล่าวและชี้แจงอีกว่า

ในขณะนี้มีพื้นที่ที่รอการเผาเพื่อเตรียมพื้นที่การเกษตรกว่า 1 แสนไร่ใน 23 อำเภอ ยกเว้นอำเภอดอยเต่าและดอยหล่อแจ้งว่าไม่มีเศษวัชพืชที่รอการเผาแล้ว แต่ในส่วนของอำเภออื่นๆ ขณะนี้ยังไม่มีตัวเลขที่ชัดเจนว่าที่รอการเผาเป็นแปลงเกษตรหรือไร่ สวน ยกตัวอย่างที่อ.สารภีแจ้งว่ามีเศษวัสดุทางการเกษตรที่รอการเผาคือใบลำไยจำนวนมาก แต่จากการประชุมร่วมกันทางตำบลแม่เหียะ อ.เมืองเชียงใหม่จะไปรับซื้อเศษใบลำไยและกิ่งไม้ลำไยในราคากระสอบละ 5 บาททั้งหมด จึงไม่มีความจำเป็นต้องเผาแล้ว ทางจังหวัดจึงให้แต่ละอำเภอไปสรุปมาใหม่และส่งกลับมาในสัปดาห์หน้า

ผอ.ทสจ.เชียงใหม่ กล่าวด้วยว่า แต่เนื่องจากในช่วงระยะเวลาจากนี้ไปจะมีลมฝ่ายใต้พัดเข้ามา ทางจังหวัดจึงได้สั่งห้ามอำเภอทางด้านทิศใต้ของจังหวัดเชียงใหม่ ให้ระงับการเผาไว้ก่อนจนกว่าลมจะเปลี่ยนทิศทาง ขณะที่อำเภอทางตอนเหนือที่สามารถเผาได้ก็ต้องจัดระเบียบการเผา โดยห้ามไม่ให้เผาเป็นแปลงใหญ่เพื่อจะไม่ให้เกิดปัญหาหมอกควันและค่าฝุ่นที่เกินค่ามาตรฐานกระทบต่อสุขภาพของประชาชน.

You may also like

คณะแพทยศาสตร์ มช. แถลงข่าว 65 ปี ตอกย้ำบทบาทและความก้าวหน้า

จำนวนผู้