โบ้ยฝีมือพวกหาของป่าทำให้ไฟลุกลามไหม้ดอยสุเทพ เสียหายกว่า 100 ไร่ ค่าฝุ่น pm 2.5 พุ่ง ขณะที่ดาวเทียมจับจุดความร้อนจากไฟกลางคืนได้ 154 จุด ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่โซนเหนือ ผวจ.เชียงใหม่สั่งระดมกำลังลาดตระเวน ดับไฟ พร้อมขออากาศยานจากกองทัพบกมาช่วยเสริม
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 2 เม.ย. 64 ที่ศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) จังหวัดเชียงใหม่ นายธนา นวลปลอด หัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ ได้แถลงข่าวถึงสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ว่า จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาในพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ เกิดจุดความร้อนทั้งหมด 7,523 จุด ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. จนถึงวันที่ 2 เม.ย. 2564 จากสถิติปีที่ผ่านมาเกิดจุดความร้อนขึ้นถึง 17,251 จุด และตลอดทั้งปีในปี 2563 ที่ผ่านมา เกิดจุดความร้อนทั้งหมด 21,658 จุด ในปีนี้จังหวัดเชียงใหม่ได้ลดจุดความร้อนลงไปได้ถึง 50 กว่าเปอร์เซ็นต์ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก
ในปีที่ผ่านมาเกิดจุดความร้อนมากในพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม, เชียงดาว และแม่แตง ทางจังหวัดก็ได้มีการบริหารจัดการเชื้อเพลิง ได้ออกประกาศในโซนใต้ ตั้งแต่วันที่ 1 – 18 ก.พ. ที่ผ่านมา ส่วนพื้นที่ทางโซนเหนือได้เริ่มวันที่ 1 มี.ค. – 30 เม.ย. 64 ในส่วนพื้นที่ที่มีการบริหารจัดการเชื้อเพลิงอยู่ในระหว่างการตรวจสอบของระบบดาวเทียมว่า พื้นที่ในการเผาไหม้ที่เกิดขึ้นจะมีพื้นที่อยู่ที่ประมาณ 1,364,016 ไร่ในปีที่ผ่านมา ในปีนี้เนื่องจากการตรวจสอบของดาวเทียมยังคงอยู่ระหว่างการตรวจสอบอยู่
สำหรับจุดความร้อนที่พุ่งสูงขึ้นถึง 264 จุด เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 64 ในเขตโซนเหนือ คือ อำเภอเชียงดาวและอำเภอแม่แตง จากการตรวจสอบจากดาวเทียมได้วิเคราะห์จุดความร้อนที่พบทั้งหมดแล้ว ก็ตรวจพบว่ามีเพียง 12 จุดใหญ่ๆ แต่ที่กระจายไปถึง 264 จุด เพราะอยู่ห่างกัน 375 เมตร ก็เลยทำให้มองว่าเป็นจุดความร้อนเพิ่มมากขึ้น โดยพื้นที่ตรวจพบทั้งหมดอยู่ในเขตอำเภอเชียงดาว, พร้าว และแม่แตง
การเกิดในจุดความร้อนที่เกิดขึ้น เกิดเป็นกลุ่ม เป็นโซน ภายหลังจากที่จังหวัดและทางศูนย์บัญชาการฯ ได้รับทราบ ก็มีการส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดับไฟในพื้นที่ กระทั่งจนถึงช่วงบ่ายของวันที่ 1 เม.ย. ก็สามารถดับได้เหลือเพียง 60 กว่าจุด และดำเนินการดับไฟอย่างต่อเนื่อง แล้วใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง สามารถดับไฟได้ทั้งหมด 264 จุด
ในวันที่ 2 เม.ย. เกิดจุดความร้อน 154 จุด แบ่งเป็น 12 กลุ่มใหญ่ในพื้นที่ อ.พร้าว, เชียงดาว และเวียงแหง ซึ่งทางจังหวัดได้สั่งการให้หน่วยในพื้นที่เข้าดำเนินการ โดยนายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ได้ทำหนังสือขอรับการสนับสนุนอากาศยานมาช่วยแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่ โดยขอไปยังกองทัพภาคที่ 3 รวมไปถึงกองทัพบก เอามาเสริมกำลังเดิมที่มีอยู่ในส่วนของกรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย กรมฝนหลวง รวมไปถึงอากาศยานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แล้วยังมีอากาศยานไร้คนขับ UAV (เครื่องบินโดรน) ออกไปสำรวจเพื่อเข้าไปบริหารจัดการจุดความร้อนที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะได้ดูว่าทำอย่างไรให้สามารถดับไฟได้โดยเร็ว
ในส่วนของไฟไหม้ใกล้บ้านขุนช่างเคี่ยน เกิดในพื้นที่สูงชันตั้งแต่ช่วงเย็นเวลาประมาณ 16.00 – 17.00 น. ของวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยได้นำกำลังของเจ้าหน้าที่จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หน่วยเสือไฟ มทบ.ที่ 33 อปท. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จิตอาสา เข้าไปร่วมดับไฟในครั้งนี้ ก็ทำให้สามารถควบคุมไฟป่าได้เวลาประมาณ 02.00 น. ในช่วงเช้านี้ก็ได้เฝ้าระวังในจุดที่ตอไม้ยังดับไม่สนิทอยู่ สาเหตุของการเกิดไฟป่ายังคงมาจากการเข้าไปหาของป่า แล้วไฟได้ลุกลามไปยังหน้าผาสูงชัน แต่ก็สามารถดับได้ ซึ่งความเสียหายในพื้นที่ไม่เกินประมาณ 100 ไร่ ซึ่งอยู่ในช่วงที่ของเฝ้าระวังและการสำรวจความเสียหายที่ชัดเจนอีกครั้ง
จังหวัดเชียงใหม่ได้มีจุดยุทธศาสตร์ทั้งหมดอยู่ 2 ดอย คือ ดอยสุเทพ-ปุย และดอยหลวงเชียงดาว ในส่วนของดอยหลวงเชียงดาว ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ สั่งระดมกำลังทุกภาคส่วน ทั้งกองทัพภาคที่ 3 พี่น้องทหาร อปท. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฝ่ายปกครอง และจิตอาสา และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเน้นหนักเรื่องของการลาดตระเวน ตั้งแต่เดือนมีนาคม – เมษายน ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้ประกาศปิดป่าไปเรียบร้อยแล้ว เพราะอยากฝากถึงพี่น้องประชาชนว่า หากท่านเข้าไปในเขตพื้นที่ป่าก็จะถือว่ามีความผิด และจะมีเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการตั้งจุดตรวจจุดสกัดป้องกันการลักลอบเข้าไปในป่า หากท่านมีเหตุผลมีความจำเป็น ก็ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบ