พ่อเมืองเชียงใหม่ ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ระดมกำลังทั้งภาคพื้นดินและบนอากาศ เข้าดับไฟบนดอยสุเทพ-ปุย ล่าสุดดับได้หมดทุกจุดแล้ว แต่ยังเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และทำแนวกันไฟจุดเสี่ยงทุกจุด ป้องกันการเกิดซ้ำอีก เบื้องต้นมีพื้นที่เสียหายไม่กว่า 2,500 ไร่
วันนี้ (30 มี.ค. 63) ศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) จังหวัดเชียงใหม่ รายงานจุด Hotspot รอบบ่าย จำนวน 89 จุด ลดจากในช่วงเช้าที่เกิดจำนวน 218 จุด โดยสถานการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้นในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ขณะนี้ดับได้หมดทุกจุดแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังคงเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดและทำแนวกันไฟบริเวณโดยรอบบริเวณวัดพระธาตุดอยสุเทพ และพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ รวมทั้งจุดเสี่ยงที่จะเกิดไฟซ้ำซากทุกจุด เพื่อป้องกันเกิดการปะทุขึ้นอีก โดยมีทุกภาคส่วนได้บูรณาการกำลังเข้าดับไฟให้ดับสนิททั้งหมด
ขณะที่ เฮลิคอปเตอร์ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32 และเฮลิคอปเตอร์ MI 17 ของกองทัพบก ได้ขึ้นบินปฏิบัติการโปรยน้ำดับไปป่าในพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย เขตบ้านแม่สาใหม่ ตำบลโป่งแยง อำเภอแม่ริม หลังจากเกิดไฟป่าไหม้กระจายถึง 4 จุด โดยมีชุดปฏิบัติการดับไฟภาคพื้นดิน นำโดยชุดเสือไฟ กรมป่าไม้ และชาวบ้านจิตอาสา ระดมกำลังเข้าดับไฟอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าเป็นภูเขาสูงชันเข้าดับไฟได้ลำบาก ในส่วนของเฮลิคอปเตอร์กระทรวงทรัพยากรธรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน 2 ลำ ส่งไปที่อำเภอเชียงดาว บินโปรยน้ำดับไฟเพื่อไม่ให้ลุกลามขยายวงกว้างออกไป
ด้าน นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ขอขอบคุณทางภาคส่วน ทั้งกำลังทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่อุทยาน สนธิกำลังร่วมกับฝ่ายปกครอง อปท. ผู้นำชุมชน และชาวบ้านในพื้นที่ ตลอดจนภาคประชาชนจิตอาสา ทั้งชมรมร่มบินอาสาเชียงใหม่ กลุ่มโดรนจิตอาสา และกลุ่มมอเตอร์ไซด์วิบาก ที่ได้ระดมกำลังมาเฝ้าระวังและป้องกัน ทั้งภาคพื้นที่ดินและทางอากาศ หลังสถานการณ์ไฟป่าในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย รุนแรงต่อเนื่องกันมากว่าสัปดาห์ โดยในวันนี้เจ้าหน้าที่จะสามารถควบคุมดับไฟป่าที่เกิดในพื้นที่ป่าติดกับตัวเมืองได้แล้ว แต่ยังพบว่าจุดที่เกิดไฟป่านั้นยังมีควันคลุกกรุ่นออกมา ซึ่งตลอดทั้งวันได้นำเจ้าหน้าที่ เข้าพื้นที่เพื่อลาดตระเวนบริเวณพื้นที่ป่าโดยรอบวัดพระธาตุดอยสุเทพฯ กว่า 100 นาย พร้อมทำแนวกันไฟไว้โดยรอบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดไฟป่าลุกลามสร้างความเสียหายกับพื้นที่บริเวณวัด หากเกิดไฟป่าปะทุขึ้นมาอีก ขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่ได้เพิ่มมาตรการควบคุม ผู้ที่เดินทางเข้า-ออก พื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้คนเข้าไปลักลอบจุดไฟเผาป่าซ้ำอีก จากการประเมินเบื้องต้นมีพื้นที่เสียหายจากไฟป่าแล้วประมาณ 2,500 ไร่.