แพร่ (13 ธ.ค.60) / ชาวสะเอียบกว่า 200 คน อ่านแถลงการณ์ประณาม-สาปแช่ง “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ปลุกผีสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น พร้อมเสนอ 14 แนวทาง เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง ในลุ่มน้ำยมอย่างยั่งยืน
เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 13 ธ.ค. ชาวบ้าน ต.สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ ร่วม 170 คน ได้รวมตัวกันบริเวณหน้าศาลาอเนกประสงค์ วัดดอนชัย หมู่ 1 ต.สะเอียบ เพื่ออ่านแถลงการณ์ประณามนายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่จะเรียกร้องให้มีการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นอีกครั้ง ในวาระที่จะมีการระชุม ครม.สัญจร ที่ จ.พิษณุโลก-สุโขทัย ระหว่าง 25-26 ธ.ค.นี้นายสมมิ่ง เหมืองร้อง ประธานคณะกรรมการคัดค้านเขื่อนแก่งเสือเต้น เขื่อนยมบน เขื่อนยมล่าง ต.สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ เปิดเผยว่า ชาวบ้านต่างสาปแช่งนายสมศักดิ์ ให้มีอันเป็นไปเช่นเดียวกับนักการเมืองที่สนับสนุนให้มีการสร้างเขื่อนก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกันก็ได้นำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำท้วม น้ำแล้ง ลุ่มน้ำยม ถึง 14 แนวทาง “ที่ผ่านมา ต.สะเอียบมีแผนงานการจัดการน้ำขนาดกลาง-ขนาดเล็กทั่วทั้งลุ่มน้ำยม ในนาม สะเอียบโมเดล จนเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายทุกหน่วยงานมาแล้ว และเริ่มดำเนินการไปบางส่วน อีกทั้งทางกรมชลประทานก็ได้คืนงบประมาณในการศึกษา EIA. EHIA. ให้กับกระทรวงการคลังเรียบร้อย เช่นเดียวกับศูนย์ดำรงธรรม ที่ยืนยันว่าโครงการเขื่อนแก่งเสือเต้น เขื่อนยมบน เขื่อนยมล่างได้ยุติไปแล้ว แต่นายสมศักดิ์ ก็ดึงดันที่จะผลักดันไห้รัฐบาลใช้อำนาจเบ็ดเสร็จสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นให้จงได้” นายสมมิ่ง กล่าวสำหรับแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง ในลุ่มน้ำยม 14 แนวทางโดยไม่ต้องสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น หรือยมบน-ยมล่างนั้น ประกอบด้วย 1) การฟื้นฟูป่าต้นน้ำ รักษาป่าที่เหลืออยู่ ป้องกันการบุกรุกป่า ให้ป่าซับน้ำไว้เป็นเขื่อนถาวรและยั่งยืน 2) รักษาและพัฒนาป่าชุมชน ทุกชุมชนควรมีป่าชุมชน ไว้ใช้สอย เก็บเห็ด ผัก หน่อไม้ สมุนไพร เป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตของชุมชน รักษาป่าอนุรักษ์ โดยเฉพาะป่าอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า อย่างเข้มงวด ห้ามพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ที่กระทบต่อป่าและสัตว์ป่า เช่น โครงการเขื่อนแก่งเสือเต้น เขื่อนยมบน เขื่อนยมล่าง ที่ผ่าใจกลางอุทยานแห่งชาติแม่ยม รวมทั้งเขื่อนแม่วงก์ ในเขตอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ เป็นต้น3) ปลูกต้นไม้เพิ่ม สร้างพื้นที่สีเขียวให้กับครอบครัว ชุมชน หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด ภาค และ ประเทศชาติ โดยทุกคน ทุกชุมชน ช่วยกันทำได้ และควรปล่อยให้ป่าได้ฟื้นสภาพเอง ซึ่งจะมีความหลากหลายทางพันธุกรรมมากกว่า 4) ฟื้นฟูระบบเหมืองฝาย พัฒนาฝายดักตะกอน ฝายชะลอน้ำ ฝายกักเก็บน้ำ ให้ทั่วทุกพื้นที่ที่มีศักยภาพ ฟื้นฟูระบบการจัดการน้ำชุมชน ให้องค์กรท้องถิ่นสนับสนุนการสร้างแผนการจัดการน้ำชุมชน ใช้สะเอียบโมเดลเป็นแผนการจัดการน้ำชุมชนต้นแบบ5) เพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ำตามลำน้ำสาขา พัฒนาอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง ขนาดเล็ก ทั้ง 77 ลำน้ำสาขา ของแม่น้ำยม ซึ่งจะกักเก็บน้ำได้มากกว่าเขื่อนแก่งเสือเต้นถึง 3 เท่า โดยกรมชลประทานสำรวจพบแล้ว 26 จุด ที่สามารถพัฒนาได้เลย ไม่ต้องสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ 6) ทำแหล่งรับน้ำหลากไว้ทุกชุมชน โดยกรมทรัพยากรน้ำได้สำรวจไว้แล้ว 395 แหล่ง เก็บน้ำได้มากกว่า 1,500 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งมากกว่าเขื่อนแก่งเสือเต้น ซึ่งเก็บน้ำได้เพียง 1,175 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ใช้งบเพียง 4,000 กว่าล้านบาท น้อยกว่าเขื่อนแก่งเสือเต้นถึง 3 เท่า 7) พัฒนาโครงการ หนึ่งหมู่บ้านหนึ่งแหล่งน้ำ หนึ่งตำบลหนึ่งแหล่งน้ำ ทั่วทั้งลุ่มน้ำยม จะสามารถลดปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะฝนตกที่ไหนน้ำเข้าที่นั่น กระจายทั่วทั้งลุ่มน้ำ ไม่ใช่รอให้ฝนตกเหนือเขื่อนเท่านั้น8) สนับสนุนการจัดการน้ำระดับครัวเรือน และระดับชุมชน โดยใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน ได้แก่ ขุดบ่อ หรือสระน้ำในไร่นา รวมทั้งอนุรักษ์ และฟื้นฟูระบบเหมืองฝายที่เป็นภูมิปัญญาของชาวบ้านในแต่ละท้องถิ่น 9) พัฒนาระบบภาษีเพื่อสิ่งแวดล้อม ชุมชนไหนรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อตัวเองและเพื่อชุมชนอื่น ควรได้รับการสนับสนุน ชุมชนใดไม่มีศักยภาพในการรักษาและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ควรให้การสนับสนุน เป็นชุมชนพี่น้องหนุนช่วยกัน 10) กระจายอำนาจและงบประมาณให้กับชุมชนท้องถิ่น ในการวางแผนระบบการจัดการน้ำโดยชุมชน รวมทั้งสนับสนุนงบประมาณในการฟื้นฟูป่าต้นน้ำและระบบการจัดการน้ำของชุมชนท้องถิ่น ให้สิทธิและอำนาจการจัดการน้ำแก่ชุมชนท้องถิ่น อย่างมีกฎหมายรองรับ11) ทบทวนนโยบายการส่งเสริมปลูกพืชเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในฤดูแล้ง เพื่อลดปริมาณการใช้น้ำ และส่งเสริมแนวคิดเศรษฐกิจแบบพอเพียง ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชอายุสั้น และเลือกปลูกพันธุ์พืชที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ ลดการบุกรุกพื้นที่ป่า และลดปริมาณการใช้น้ำในการทำเกษตรกรรมนอกฤดู 12) ส่งเสริมระบบการใช้ที่ดินให้สอดคล้องกับภูมิสังคม สนับสนุนโฉนดชุมชน สร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับชุมชน ยุติการขับไล่ชุมชนออกจากป่า สนับสนุนชุมชนที่อยู่กับป่า ให้รักษาป่า รักษาต้นน้ำ รวมทั้งจัดการผังเมืองให้สอดคล้องกับธรรมชาติและภูมิสังคม13) บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ดิน น้ำ ป่า อากาศ แร่ ฯลฯ และมีบทลงโทษในการพัฒนาที่ผิดพลาด ทั้งทางอาญาและทางแพ่ง รวมทั้งส่งเสริมมาตรการลงโทษทางสังคมต่อผู้ใช้อำนาจการตัดสินใจ ผู้วางแผนงาน การบริหารประเทศ การพัฒนาที่ผิดพลาด ไม่ให้มีโอกาสเข้ามามีอำนาจอีก 14) ส่งเสริมและสนับสนุนสิทธิชุมชนตามรัฐธรรมนูญ ออกกฎหมายลูก รองรับสิทธิชุมชน ให้สิทธิชุมชนในการ ปกป้อง รักษา และใช้ประโยชน์ในทรัพยากร ดิน น้ำ ป่า อากาศ แร่ ฯลฯ.