เชียงใหม่ดันกิจกรรม 12 เดือนโดยใช้รางวัลเมืองเทศกาลโลก World Festival and Event City 2022 สร้างความร่วมมือจากทุกฝ่ายเพื่อดึงคนเข้ามา เสริมสร้างเศรษฐกิจให้ยั่งยืน ด้านทีเส็ปเผยความสําเร็จของเชียงใหม่ที่คว้ารางวัล ยิ่งดันตลาดไมซ์ ได้มากขึ้น หวังอย่างน้อยก็ใกล้เคียงกับปี 62 ช่วงก่อนโควิด
เมื่อค่ำวันที่ 19 ตุลาคม 2565 ที่โรงแรมรติล้านนา นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยนายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อํานวยการสํานักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB ได้ร่วมกันแถลงข่าวตอกย้ำศักยภาพเมืองเชียงใหม่ในฐานะไมซ์ซิตี้ (MICE City) และเมืองที่มีศักยภาพด้านการจัดงานเทศกาลระดับโลก (World Festival & Event City) โดยมีหัวหน้าส่วนราชการภาครัฐ เอกชนและสื่อมวลชนเข้าร่วมรับฟัง
นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า รางวัลเมืองเทศกาลโลก World Festival and Event City 2022 ที่จังหวัดเชียงใหม่ได้รับเลือกโดยสมาคมงานเทศกาลนานาชาติ (International Festivals and Events Association, IFEA) จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ความเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของเชียงใหม่ และในฐานะศูนย์กลางการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมของภาคเหนือ เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านและทางตอนใต้ ของประเทศจีน ตามนโยบายระเบียงเศรษฐกิจล้านนา
ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวอีกว่า จังหวัดเชียงใหม่พร้อมผลักดันนโยบายและยุทธศาสตร์ล้านนาสร้างสรรค์ หรือ Creative Lanna และผลักดันให้เชียงใหม่เป็นเมืองมรดกโลก (World Heritage) สร้างซอฟต์พาวเวอร์ผ่านทุนทางวัฒนธรรม โดยกําหนดปฏิทินงาน (event calendar) ในแต่ละเดือน เพื่อดึงผู้คนให้มาเยือนเชียงใหม่และมีความสุขตลอดทั้ง 12 เดือน 12 เทศกาล ในส่วนมิตินานาชาตินั้นจะกําหนดยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนในการพัฒนาและขับเคลื่อนให้จังหวัดเชียงใหม่มีสิ่งใหม่ๆ ที่น่าสนใจเกิดขึ้นในทุกวันคือ ความร่วมมือจากทุกฝ่ายทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน รวมถึงภาคประชาชน ในการร่วมสร้างเมืองเชียงใหม่ให้เป็นเมืองน่าอยู่ น่าท่องเที่ยว ทําให้เมืองเดินหน้าสู่การพัฒนากระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างรายได้แก่ประชาชนอย่างมั่นคงยั่งยืน
ทางด้านนายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อํานวยการสํานักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB กล่าวว่า เชียงใหม่มีสถานะเป็นเมืองไมซ์ซิตี้ชั้นนําระดับประเทศ และยังถือเป็นเมืองยุทธศาสตร์หลักของทีเส็บในภาคเหนือ และจากความสําเร็จของเชียงใหม่ที่คว้ารางวัล World Festival & Event City โดย IFEA ซึ่งทีเส็บเห็นว่าวันนี้เชียงใหม่มีความพร้อมที่จะก้าวไปสู่การเป็นเมืองจุดหมายปลายทางนานาชาติที่จะรุกตลาดต่างประเทศและตลาดระดับพรีเมี่ยมอย่างเต็มตัว และจะใช้กลยุทธ์สำคัญคือ Festival Economy หรือการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยงานเทศกาล ที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง โดยการนําซอฟต์พาวเวอร์ด้านวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตของเมืองและชุมชนมามาผสานเข้ากับการ ออกแบบกิจกรรมที่จะสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ดึงดูดกลุ่มนักเดินทางคุณภาพที่มีกําลังซื้อสูง
“เชียงใหม่เป็นหนึ่งในเมืองที่ไมซ์ที่มีศักยภาพ ที่เสนอความพร้อมทางวัฒนธรรม ความแตกต่างของชุมชนและผลิตภัณฑ์ชุมชน รวมถึงงานเทศกาลที่มีอย่างเช่น เชียงใหม่บูมที่แตกออกมาจากงานไม้ดอกไม้ประดับ การจัดงานเทเบิลฟลาวเวอร์และยังมีอีกหลายงาน ทั้งยี่เป็งและ NAPที่สามารถพัฒนาให้เป็นเฟสติวัลระดับโลกได้ สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือทุกภาคส่วนต้องมาร่วมกันเพื่อทำให้ทุกงานยกระดับขึ้นเป็นงานระดับโลกอย่างเช่นเชียงใหม่บูมที่ตอนนี้เป็นงานระดับโลกไปแล้ว”ผอ.TCEB กล่าวและว่า
ในด้านการตลาดการประชุมและนิทรรศการสำหรับตลาดไมซ์ตัวเลขถึงก.ย.65 มีประมาณ 1.3 แสนคน มูลค่าการตลาดประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ทั้งๆ ที่ไทยเพิ่งเปิดประเทศเมื่อมิ.ย.65 สำหรับปี 66 ตั้งเป้าไว้ที่ 9.8 หมื่นล้านบาททั้งตลาดในและต่างประเทศ อย่างไรก็ตามใน 5 เมืองที่เป็นไมซ์ซิตี้นั้นภูเก็ตยังเป็นอันดับ 1 และเชื่อว่ารางวัล World Festival & Event City ที่เชียงใหม่ได้รับจะช่วยผลักดันให้ตลาดไมซ์ของเชียงใหม่เติบโตยิ่งขึ้น.