ททท.เชียงใหม่ยอมรับยังคิดไม่ออกหาวิธีกระตุ้นคนมาเที่ยว หวังอากาศหนาว-ดอกไม้งามจะเป็นตัวช่วย

ททท.เชียงใหม่ยอมรับยังคิดไม่ออกหาวิธีกระตุ้นคนมาเที่ยว หวังอากาศหนาว-ดอกไม้งามจะเป็นตัวช่วย

          ททท.เชียงใหม่หมดกึ๋น ยอมรับยังหาวิธีกระตุ้นคนมาเที่ยวอยู่ ขณะที่ยอดตัวเลขนักท่องเที่ยวและรายได้ลดลง ชี้คนไทยหนีออกไปเที่ยวต่างประเทศ เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งทำให้ค่าใช้จ่ายถูกกว่าเที่ยวในประเทศ หวังอากาศหนาวและดอกไม้งามจะเป็นตัวดึงดูดให้คนมาเที่ยวในช่วงไตรมาสสุดท้าย

เมื่อวันที่ 26 พ.ย.62 ที่ห้องประชุมชั้น 4 อาคารอำนวยการศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานแถลงข่าวสื่อมวลชนโดยเฉพาะสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวและการตลาดของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งผวจ.เชียงใหม่กล่าวว่า ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้มีประกาศแต่งตั้งโฆษกคือนายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผวจ.เชียงใหม่,นายชูชีพ พงษ์ไชย  รองโฆษกและหัวหน้าส่วนราชการที่ได้รับมอบหมายตามประเด็นที่ปรากฏเป็นข่าว เป็นผู้ช่วยโฆษกจังหวัดขึ้นมาเพื่อดำเนินการด้านการประชาสัมพันธ์ ชี้แจงข้อมูล ข่าวสาร การเผยแพร่ผลงานของรัฐบาลและการดำเนินงานของจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ทั้งนี้โฆษกและรองโฆษกจะมีหน้าที่แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนและประชาชนเป็นระยะและต่อเนื่อง ประสานการจัดทำเอกสารข่าว และผลิตสื่อเพื่อเผยแพร่แก่ประชาชน ประสานงานและจัดให้ผู้บังคับบัญชาหรือผู้เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนและประชาชน โดยเฉพาะเวลาที่มีประเด็นสำคัญหรือประเด็นฉุกเฉินและให้มีการลงพื้นที่เพื่อประโยชน์ในการประชาสัมพันธ์เชิงประจักษ์ ในกรณีจำเป็นอาจจะดำเนินการเป็นภาษาต่างประเทศได้

ด้านนางสาวภัคนันท์ วินิจชัย ผอ.ททท.สำนักงานเชียงใหม่ กล่าวถึงสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ในปีงบประมาณ 2562 ว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน 2562 จากรายงาสถิติการท่องเที่ยวของกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา พบว่าแม้จำนวนนักท่องเที่ยวหรือผู้มาเยี่ยมเยือนจะลดลงร้อยละ 2.05 หรือ 146,672 คน จากจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด 6,992,406 คนที่มาจังหวัดเชียงใหม่ และเป็นอันดับ 5 ของเมืองท่องเที่ยวหลัก แต่จังหวัดเชียงใหม่ยังมีรายได้จากการท่องเที่ยว 74,164.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.94 หรือประมาณ 693 ล้านบาท โดยมีอัตราค่าใช้จ่ายต่อทริปจำนวน 10,606.48 ล้านบาทต่อคนต่อทริป ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.06

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ลดลงส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย ซึ่งอัตรานักท่องเที่ยวที่เข้ามาและทำรายได้ให้กับจังหวัดเชียงใหม่ 70% เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยและร้อยละ 30 เป็นชาวต่างประเทอย่างไรก็ตามนักท่องเที่ยวมีอัตราการพักเฉลี่ยร้อยละ 71.54 ลดลงร้อยละ 2.71 ซึ่งอาจมีปัจจัยมาจากวิกฤตสถานการณ์หมอกควันและไฟป่าในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ รวมถึงอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราเนื่องจากค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้คนไทยเกิดกระแสการเดินทางออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศกันมากเนื่องจากค่าใช้จ่ายที่ไม่สูงมากนัก

“ททท.สำนักงานเชียงใหม่คาดหวังว่าในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นนี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามา 3,969 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.72 และมีรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีก 36,255 ล้านบาท โดยมีปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ ชิม ช้อป ใช้,100 เดียว 100 เดียวเที่่ยวทั่วไทย และเที่ยววันธรรมดา ราคาช็อกโลก ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศว่าฤดูหนาวปีนี้พื้นที่ภาคเหนือตอนบนอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 7 – 8 องศาเซลเซียส คาดว่าจะส่งผลดีให้พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวในเขตอุทยานฯ และยอดดอย เพราะนักท่องเที่ยวชาวไทยนิยมชมชอบอากาศที่หนาวเย็น และมาดูทะเลหมอก ประกอบกับเป็นช่วงที่ดอกไม้เบ่งบาน และกำลังอยู่ในความสนใจของนักท่องเที่่ยว ไม่ว่าจะเป็น “I Love Flower Farm”, ทุ่งดอกไฮเดรนเยีย โครงการหลวงขุนแปะอ.จอมทอง, ทุ่งดอกเก็กฮวย อ.สะเมิง, ทุ่งดอกคอสมอส เทศบาลเมืองแกนพัฒนา และอื่นๆ อีกหลายแห่ง”ผอ.ททท.สำนักงานเชียงใหม่ กล่าวและชี้แจงอีกว่า

นอกเหนือจากแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแล้ว  ที่ยังมีกิจกรรม เทศกาล และงานประเพณีที่น่าสนใจก่อนส่งท้ายปี 2562 เช่น เทศกาลชมสวน ที่อุทยานหลวงราชพฤกษ์, Chiang Mai Bike Week, เมืองไทยเชียงใหม่มาราธอน, Chiang Mai Countdown 2020, Chiang Mai Crafts & Cuisine , Chiang Mai Design Week 2019 และงาน NAP 2019 ซึ่งททท.สำนักงานเชียงใหม่กำลังคิดอยู่ว่าจะมีกิจกรรมอะไรเพิ่มเติมขึ้นมาเพื่อกระตุ้นให้คนไทยออกเดินทางมาท่องเที่ยวที่เชียงใหม่อีกครั้ง

ผอ.ททท.สำนักงานเชียงใหม่ กล่าวด้วยว่า ในปี 2563 ททท.สำนักงานเชียงใหม่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชน โดยมีตัวชี้วัด 2 ชุมชนที่ได้เข้าไปคุยกับทางผู้นำท้องถิ่น และมีการเซ็นต์ MOU แล้วคือชุมชนสันลมจอย ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่เป็นชุมชนที่มีชนเผ่าและอยู่ติดตัวเมืองเชียงใหม่ มีวัดร่ำเปิง วัดอุโมงค์กับอีกจุดคือที่บ้านออนใต้ อ.สันกำแพง จุดเด่นของชุมชนนี้มีเส้นทางท่องเที่ยว ซึ่งสามารถถ่ายภาพทางช้างเผือกได้ โดยททท.จะเข้าไปส่งเสริมด้านการตลาดท่องเที่ยวและผลิตภัณฑ์ชุมชนทั้งเซารามิกส์และจัดทริปให้นักท่องเที่ยวเข้าไปค้างในหมู่บ้าน โดยมุ่งเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพที่ต้องการสัมผัสวิถีชีวิตชุมชนเนื่องจากททท.ไม่ได้เน้นเรื่องปริมาณนักท่องเที่ยวแล้ว แต่จะเน้นเรื่องการมาจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวมากกว่า

ขณะที่นายจักรพงษ์ สิทธิหล่อ นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่ภาพรวมด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ยังถือว่าดี นอกจากนี้กระทรวงฯยังได้รับรองมาตรฐานโฮมสเตย์ในจังหวัดเชียงใหม่เพิ่มอีก 2 แห่งคือที่บ้านคนเลี้ยงช้าง อ.แม่แจ่มและบ้านเหล่าพัฒนา อ.แม่แตง ซึ่งทำให้เชียงใหม่มีโฮมสเตย์ที่ได้มาตรฐานรวม 21 แห่งแล้วและบ้านไร่กองขิง อ.หางดง ก็ยังได้รับการคัดเลือกเป็นโฮมสเตย์อาเซียนอีกด้วย

“ในวันที่ 14 ธ.ค.นี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะมาเป็นประธานเปิดโฮมลอร์ดและเปิดอบรมชุมชนที่สมัครเข้ร่วมโครงการ จากเดิมที่มีสมัครไปที่กระทรวงแล้ว 6 แห่ง และในภาคบ่ายจะมีการประชุมร่วมกันระหว่างรัฐมนตรี กระทรวงฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน 4 จังหวัดภาคเหนือตอนบนถึงสถานการณ์ ปัญหาและอุปสรรคด้านการท่องเที่ยวด้วย”นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ กล่าว

ส่วนทางด้านนายวัลลภ สว่างพงษ์ พนักงานบริหารงานทั่วไป สำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ปัจจุบันแนวโน้มความนิยมในการออกกำลังกายโดยเล่นกีฬามีมากขึ้น ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่โดยสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬา สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดเชียงใหม่ กกท.จังหวัดและสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาที่ผลิตบุคลากรกีฬาจะมีการประชุมหารือร่วมกันอีกครั้งเพื่อที่จะผลักดันให้จังหวัดเชียงใหม่เป็น Spot City ขณะที่กกท.เองก็มีการส่งเสริมและสนับสนุนให้เยาวชนในจังหวัดเชียงใหม่มีความเป็นเลิศในด้านกีฬา โดยเฉพาะในการเข้าร่วมแข่งขันกีฬาระดับต่างๆ ซึ่งนักกีฬาของจังหวัดเชียงใหม่ได้รับรางวัลเป็นจำนวนมาก.

You may also like

อบจ.เชียงใหม่จับมือภาคีเครือข่าย จัดงาน “วันสิ่งแวดล้อมไทย ประจำปี ภายใต้แนวคิด “รักษ์ป่า รักษ์ดิน รักษ์สิ่งแวดล้อม”

จำนวนผู้