เชียงใหม่ / นักศึกษาสาขาการเมืองการปกครอง มช. ดึงตัวแทน 3 พรรคฝ่ายค้าน ร่วมเสวนา “จิบกาแฟเบาๆ นั่งเมาส์การเมือง” พร้อมเดินไปกินข้าวที่กาดหน้ามอ กับ“จ่านิว-บอล” แลกเปลี่ยนประสบการณ์นักกิจกรรม เผยเตรียมเชิญพรรคร่วมรัฐบาลตั้งวงถกอีกครั้ง เร็วๆ นี้เมื่อเวลา 16.30 ที่โถงกลาง คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีการจัดกิจกรรมเสวนาสภากาแฟ : จิบกาแฟเบาๆ นั่งเมาส์การเมือง วิทยากรประกอบด้วย ดร.เทพฤทธิ์ สีน้ำเงิน จากพรรคเพื่อไทย, ดร.รยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ และนายชัยธวัช ตุลาธน รองเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่
นายชัยธวัช กล่าวว่า ที่ผ่านมาสื่อขนานนามให้อนาคตใหม่เป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ ทั้งที่ความจริงเป็นพรรคของคนทั่วไปทั้งประเทศ ไม่ใช่เฉพาะคนรุ่นใหม่เท่านั้น อาจเป็นเพราะพรรคอนาคตใหม่ได้พยายามเปลี่ยนแปลงการเมืองเก่า ที่คนเพียงไม่กี่ตระกูลผูกขาดการเป็นนักการเมือง แม้จะยาก ทำลายกำแพงแบบเก่าไม่สำเร็จทั้งหมดทุกเขต หากก็ทำให้กำแพงร้าวได้สำหรับมุมมองต่อประชาธิปไตยนั้น ต้องตอบสนองต่อประชาชนส่วนใหญ่ พรรคไม่ได้ต่อต้านรัฐสภา แต่กำลังเรียกร้องให้มีความเท่าเทียมกันแบบประชาธิปไตยในทุกๆ ด้าน เช่น เรื่องเพศ ต้องทำให้ทุกคนมีสิทธิ มีเสียงเท่ากัน ขณะเดียวกันปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจนั้น ในการแก้ไขต้องแก้ที่การเมืองด้วย
ดร.รยุศด์ กล่าวว่า การเมืองแบบเก่ามีการผูกขาดมานานมาก ถึงกับมีคำว่าถ้าส่งไฟฟ้าลงสมัคร ส.ส.ก็สอบได้ เพราะการเมืองเป็นระบบอุปถัมน์และต่างตอบแทน นายทุนเลือกพรรคการเมือง พรรคการเมืองสนับสนุนนายทุน จึงขอชื่นชมพรรคอนาคตใหม่ที่ทำลายความเชื่อดังกล่าวได้ แต่การจะสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคม และทำให้เกิดประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ต้องใช้เวลามากกว่านี้ เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำมากที่สุดในโลก คนเพียง 1-2 ตระกูล มีทรัพย์สินมากกว่าครึ่งหนึ่งของทั้งหมดในประเทศส่วนการที่จะทำให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญต้องเป็นประชาธิปไตยก่อน กฎหมายที่เข้มแข็ง มีหลักประชาธิปไตยอย่างแท้จริงเท่านั้น ที่จะสร้างความเชื่อมั่นทั้งคนในประเทศ และต่างประเทศได้ ที่ผ่านมา เกิดอาหรับสปริงขึ้นในหลายประเทศตะวันออกกลาง จึงอยากเห็นบางกอกสปริง คนไทยตื่นรู้และลุกขึ้นมาทวงสิทธิของตัวเองตามระบอบประชาธิปไตย แต่ไม่ใช่การลุกฮือขึ้นมาชุมนุมเป็นแสนเป็นล้าน ต้องมีวิธีการ กระบวนการที่นำไปสู่ทางออกที่ดีกว่า
ดร.เทพฤทธิ์ กล่าวว่า คำว่าประชาธิปไตยนั้น คนมีอำนาจในประเทศยังมองว่าต้องเป็นแบบเวอร์ชั่นไทย ขณะที่นานาชาติไม่ได้มองแบบนี้ ทุกคนต้องเท่าเทียมกัน และการเลือกตั้งก็เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่ง เช่นเดียวกับระบบรัฐสภาก็เป็นส่วนหนึ่ง หากถามว่าทุกวันนี้เราเป็นประชาธิปไตยไหม ก็ตอบได้ว่าเป็นประชาธิปไตยแบบไม่ Happy แต่ต้องยอมรับระบอบ หลายสิ่งหลายอย่างยังถูกรัฐตั้งข้อจำกัด เช่น พ.ร.บ.คอมพ์“หลักการประชาธิปไตย ยังคงต้องรักษา แต่ขณะนี้ผู้มีอำนาจได้สร้างระบบขึ้นมาโดยไม่ได้มองภาพรวม หรือสากล ทำให้ต่างประเทศมองไทยอย่างงงๆ ว่าเราเป็นประชาธิปไตยแบบไหน อยู่ในระบอบใด” ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทยกล่าว
ด้าน น.ส.อนินท์ญา ขันขาว นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ สาขาวิชาการเมืองการปกครอง ในฐานะตัวแทนกลุ่มผู้จัดงาน เปิดเผยว่า ตั้งใจจัดกิจกรรมนี้ (เสวนาสภากาแฟ:จิบกาแฟเบาๆ นั่งเมาส์การเมือง) เพราะอยากเป็นวงคุยแบบธรรมชาติ และใกล้ชิดกัน โดยเชิญพรรคฝ่ายค้านมา 1 รอบ แล้วเชิญพรรคฝ่ายรัฐบาลมาอีก 1 รอบส่วนงานเดินไปกินข้าวที่กาดหน้ามอ ก็เป็นอีกงานหนึ่งต่อจากงานนี้ มีจ่านิว (สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์) กับบอล (ธนวัฒน์ วงค์ไชย) มา เนื่องจากนักศึกษากลุ่มที่สนใจประเด็นทางการเมือง สนใจนักกิจกรรม นักเคลื่อนไหวทางการเมือง 2 คนนี้ เพราะมีอายุใกล้เคียงกัน แต่ในพื้นที่มหาวิทยาลัยไม่เปิดโอกาสให้คุยเรื่องพวกนี้ เราจึงจะจัดหน้า มช. เพื่อแลกเปลี่ยนกันว่าในฐานะที่ทำงานเป็นนักกิจกรรม เจออะไรมาบ้าง ผ่านอะไรมา ซึ่งประสบการณ์ของจ่านิวนับเป็นประเด็นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง.