“บ้านสันต้นตุ้ม”ขานรับมาตรการ 60 วันห้ามเผา แจกเสวียนรองรับใบไม้ทำปุ๋ย

“บ้านสันต้นตุ้ม”ขานรับมาตรการ 60 วันห้ามเผา แจกเสวียนรองรับใบไม้ทำปุ๋ย

พะเยา / สภาผู้นำชุมชนสันต้นตุ้ม ต.แม่อิง ไอเดียกระฉูด สนองมาตรการ “60 วันอันตราย ห้ามเผาเด็ดขาด” ระดมชาวบ้านทำเสวียนแจกตามคุ้มบ้าน รองรับเศษหญ้า ใบไม้ เพื่อนำมาทำปุ๋ยหมักบำรุงดิน พร้อมสร้างชุมชนให้สะอาด น่าอยู่นายบัญชา สุวรรณ ผู้ใหญ่บ้านสันต้นตุ้ม หมู่ 3 ต.แม่อิง อ.ภูกามยาม จ.พะเยา เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ -15 เมษายน 2561 จังหวัดพะเยาได้ออกประกาศมาตรการ “60 วันอันตราย ห้ามเผาเด็ดขาด” เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนในช่วงสถานการณ์หมอกควันปกคลุม และเป็นการเตรียมป้องกันแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าที่จะเกิดขึ้นในช่วงฤดูแล้งของทุกปี ขณะเดียวกันก็กำหนดโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน หากมีผู้พบเห็นการลักลอบเผาในช่วงเวลาดังกล่าว และแจ้งไปยังฝ่ายปกครองในท้องถิ่น หรือเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง จะถูกจับและปรับถึง 5,000 บาท“ในฐานะที่หมู่บ้านสันต้นตุ้ม ดำเนินกิจกรรมด้านจัดการขยะ ตามโครงการชุมชนน่าอยู่ ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ทางสภาผู้นำชุมชน ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากทุกภาคส่วนในหมู่บ้าน จำนวน 45 คน จึงได้หารือกัน และมีมติว่าควรแจกเสวียนให้คุ้มละ 10 เสวียน ทั้งหมด 8 คุ้ม จะได้ใช้รองรับขยะอินทรีย์  ประเภทใบไม้ เศษหญ้า เพื่อหมักทำปุ๋ย โดยเสวียนดังกล่าวทางสภาผู้นำ กับชาวบ้าน นำวัตถุดิบที่มีในท้องถิ่น คือไม้ไผ่ มาช่วยกันจักสาน และใช้ประโยชน์ในชุมชน ขณะเดียวกันก็สอดคล้องกับมาตรการห้ามเผาของจังหวัดด้วย” ผู้ใหญ่บ้านสันต้นตุ้ม กล่าวทั้งนี้บ้านสันต้นตุ้ม มีทั้งหมด 246 หลังคาเรือน 596 คน แบ่งเป็น 8 คุ้มบ้าน เดิมพบว่ามีปัญหาครัวเรือนขาดการจัดการขยะ ไม่คัดแยกขยะ ถึง 177 ครัวเรือน หรือ 71.95% แม้ว่าทางเทศบาลตำบลดงเจน จะเข้ามาจัดการขยะแบบมีส่วนร่วม ตั้งแต่ปี 2559 โดยกำหนดให้มีการแยกขยะ แล้วบริหารจัดการเรื่องการเก็บขนขยะ แต่อาจเป็นเพราะการประชาสัมพันธ์หรือกระตุ้นชุมชนไม่ต่อเนื่อง ชาวบ้านจึงมีส่วนร่วมแค่ช่วงเริ่มต้นเท่านั้น พอผ่านไปได้ระยะหนึ่งก็ทิ้งขยะรวมกันทุกประเภทเหมือนเดิม ดังนั้นเมื่อมีการทำประชาคมหมู่บ้าน ขยะจึงกลายเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนผู้ใหญ่บ้านคนเดิม กล่าวว่าจากการสำรวจเชิงลึก พบว่าแต่ละวันหมู่บ้านมีขยะเฉลี่ย 187 กิโลกรัม หรือ 68,255 กิโลกรัม/ปี ในจำนวนนี้มีการนำขยะมูลฝอยกลับมาใช้ประโยชน์เพียง 13,561 กิโลกรัม/ปี คิดเป็น  20% โดยขายเป็นรายได้ 10% ทำปุ๋ย 5% และนำกลับมาใช้ใหม่ 5% ส่วนที่เหลือ 80% ถูกทิ้ง ทั้งที่เมื่อแยกองค์ประกอบขยะ เป็นขยะอินทรีย์ถึง 55.6% ขยะรีไซเคิล 30% ขยะทั่วไป 8% ขยะอันตราย 2% และขยะอื่นๆ เช่น ผงฝุ่นจากการทำความสะอาดบ้านเรือน เศษผ้า ถุงพลาสติกใส เศษวัสดุก่อสร้าง 4.4 %ส่วนการกำจัด ใช้วิธีเผาถึง 12 ครัวเรือน คิดเป็น 4.9% ทิ้งขยะหลังบ้านในที่สาธารณะหรือในหมู่บ้าน 37 ครัวเรือน หรือ 15% ขณะที่แม่บ้าน เยาวชน ก็ขาดความรู้ ไม่เข้าใจและไม่ตระหนัก ถึงการคัดแยกขยะ ซ้ำยังมีทัศนคติต่อขยะเป็นสิ่งสกปรก น่ารังเกียจ คิดว่าการจัดการขยะเป็นหน้าที่ของเทศบาล ก่อให้เกิดผลกระทบตามมา คือกลิ่นเหม็น เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ แหล่งอาหารของแมลงวัน แมลงสาบ ตลอดจนเชื้อโรคต่างๆ และการกำจัดที่ไม่ถูกวิธียังสร้างปัญหาต่อสิ่งแวดล้อมสภาผู้นำชุมชนและชาวบ้านสันต้นตุ้ม จึงร่วมกันแก้ไขปัญหาของหมู่บ้าน โดยอาศัยแนวคิดการสร้างชุมชนน่าอยู่ กระตุ้นความร่วมมือจากคนในหมู่บ้านให้ร่วมคิดร่วมทำ เพื่อแก้ไขปัญหาและนำไปสู่การเป็นชุมชนน่าอยู่ ลดปริมาณขยะมูลฝอยในครัวเรือน จากเดิมเฉลี่ยครัวเรือนละ 1 กิโลกรัม/วัน เหลือไม่เกิน 0.5 กิโลกรัม/วัน มีการประชุมชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับการคัดแยกขยะ สร้างจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ อบรมให้ความรู้แก่ตัวแทนครัวเรือนด้านการคัดแยกขยะ รณรงค์ใช้ถุงผ้าไปจ่ายตลาด เพื่อลดการใช้ถุงพลาสติก และสภาผู้นำชุมชนกับชาวบ้านมีส่วนร่วมการจัดการขยะย่อยสลายในหมู่บ้าน ด้วยการจัดตั้งกลุ่มตามความสนใจ เช่น กลุ่มทำปุ๋ยหมักจากขยะย่อยสลาย กลุ่มน้ำหมักชีวภาพ กลุ่มเลี้ยงไส้เดือนกำจัดขยะเปียกในครัวเรือน เป็นต้น.

You may also like

ทอท.เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น ประชาชนในรัศมี 5 กม. จากสนามบินเชียงใหม่ ครั้งที่ 2 เกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(EIA)โครงการพัฒนาสนามบินเชียงใหม่

จำนวนผู้