ประธานสภาลมหายใจเชียงใหม่ยันไม่ท้อ หวังความร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมผลักดันสร้างลมหายใจที่สะอาดส่งต่อให้ลูกหลาน

ประธานสภาลมหายใจเชียงใหม่ยันไม่ท้อ หวังความร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมผลักดันสร้างลมหายใจที่สะอาดส่งต่อให้ลูกหลาน

ประธานสภาลมหายใจเชียงใหม่ยันไม่ท้อ หวังความร่วมมือจากทุกภาคส่วนร่วมผลักดันสร้างลมหายใจที่สะอาดส่งต่อให้ลูกหลาน

เมื่อวันที่ 29 พ.ย.64 ที่โรงแรมฮอลิเดย์อินน์ เชียงใหม่ สภาลมหายใจได้จัดกิจกรรมพบปะสื่อมวลชนจังหวัดเชียงใหม่ พูดคุยแลกเปลี่ยนในหัวข้อ “ฝุ่นควัน 65 ความหวังและทางออก” เพื่อแก้ปัญหามลพิษอากาศฝุ่นควัน PM 2.5 ของจังหวัดเชียงใหม่ โดยนายชัชวาล ทองดีเลิศ  ประธานสภาลมหายใจเชียงใหม่ กล่าวว่า ปัญหาฝุ่นควันเป็นปัญหาที่มีความซับซ้อนเชื่อมโยงกับปัญหาต่างๆ และเกี่ยวโยงกับทุกกระทรวง ทบวง กรมและทุกภาคส่วน สำหรับสภาลมหายใจก็เปรียบเสมือนพลังแห่งสายน้ำที่มีแขนงต่างๆ มาร่วมขับเคลื่อนด้วยกัน ทุกคนที่ใช้ลมหายใจจึงถือได้ว่าเป็นสมาชิกสภาลมหายใจเพราะเราใช้ลมหายใจเดียวกัน

ในการทำงานของสภาลมหายใจในการขับเคลื่อนเพื่อหาแนวทางในการลดปัญหาฝุ่นควันpm2.5 นับตั้งแต่ปีที่ผ่านมา สิ่งที่ทำให้มั่นใจว่าเชียงใหม่โมเดลที่ขับเคลื่อนอยู่คือ การที่จะเปลี่ยนการแก้ไขปัญหาแบบเฉพาะหน้าให้เป็นการแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืน อย่างน้อยก็ให้ฝุ่นควันpm2.5 ลดลงปีละ 20% โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมและใช้พื้นที่เป็นที่ตั้ง เนื่องจากเชียงใหม่มีลักษณะพื้นที่เปรียบเสมือนปลาสร้อยที่มีลักษณะเรียวยาว ตรงกลางที่เป็นพุงปลาก็เหมือนแอ่งกะทะที่ทำให้ฝุ่นควันมากองในแอ่งนี้ในช่วงฤดูฝุ่นควันถึงร้อยละ 60

ประธานสภาลมหายใจเชียงใหม่ กล่าวอีกว่า กระบวนการทำงานของสภาลมหายใจจะมีทั้งภาคในเมืองและภาคนอกเมือง มีภาควิชาการ ภาคธุรกิจและการณรงค์ประชาสัมพันธ์มาสนับสนุน นอกจากนี้ยังมีภาคีสภาลมหายใจภาคเหนือที่จะมาร่วมขับเคลื่อนและผลักดันการแก้ไขปัญหาให้เกิดความยั่งยืน ซึ่งทุกคนที่ทำงานยังมีความหวัง แม้จะเหนื่อยแต่เพื่อลูกหลานจะได้มีลมหายใจที่สะอาด ซึ่งขณะนี้ทางสสส.ได้สนับสนุนเรื่องการสร้างบ้านสู้ฝุ่นจำนวน 100 หลังในเขตเมือง และปัจจุบันดำเนินการไปแล้ว 74 หลัง ส่วนภาคธุรกิจก็มีแผนผลักดัน 1 ธุรกิจ 1 ตำบลที่จะเปลี่ยนแปลงอาชีพเพื่อลดการเผาด้วย

You may also like

อบจ.เชียงใหม่จับมือสสจ.และศูนย์ศรีพัฒน์ คณะแพทย์มช.จัดงาน”มหกรรมสุขภาพเมืองเชียงใหม่2567″เพื่อยกระดับคุณภาพสุขภาพที่ดีให้กับประชาชน

จำนวนผู้