ชุมชนตำบลบ้านมะเกลือ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เป็นชุมชนซึ่งตั้งอยู่บนเส้นทางเชื่อมต่อจากตัวเมืองนครสวรรค์ไปยังอำเภอเก้าเลี้ยว จ.นครสวรรค์ และ อำเภอขาณุวรลักษณ์ จ.กำแพงเพชร ด้วยลักษณะของถนนเป็นสองเลนจึงคับแคบเกินไปสำหรับการสัญจรของรถที่ผ่านไปมา ทุกๆ วันจึงเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงฤดูการเกษตร ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่จะทำอาชีพปลูกอ้อย เมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตและขนย้าย เศษอ้อยก็จะร่วงลงบนถนน ทำให้กีดขวาง เป็นอุปสรรคต่อผู้ใช้รถใช้ถนน และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในชุมชนขณะเดียวกันภายในชุมชน ซึ่งเป็นชุมชนถนนเล็ก มีถนนขนาดเล็กไว้ใช้สัญจร ที่คับแคบ มีทั้งมุมอับ ทางทางตรง และทางโค้ง จึงเกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยเช่นกัน
ปี 2559 ทางชุมชนต.มะเกลือ ได้เข้าร่วมโครงการ “การจัดการจุดเสี่ยงเพื่อป้องกันอุบัติเหตุในชุมชนบ้านมะเกลือ ต.มะเกลือ อ.เมือง จ.นครสวรรค์” ของสำนักงานกองทุนสนุบสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) เพื่อร่วมกันหาแนวทางป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นโดยการมีส่วนร่วมของชุมชนชุติมา สอนไว ผู้ใหญ่บ้านบ้านมะเกลือ บอกว่า ในชุมชนเกิดอุบัติเหตุบ่อยมาก เดือนละหลายครั้ง อย่างที่ถนนใหญ่ซึ่งมีรถสัญจรค่อนข้างเยอะก็เกิดขึ้นบ่อย ยิ่งช่วงฤดูทำไร่อ้อย เศษอ้อยจะหล่นบนพื้นถนนเกลื่อนไปหมด รถวิ่งที่วิ่งผ่านต้องคอยหลบบางทีก็เสียหลังลงข้างทาง ส่วนรถมอเตอร์ก็มีเหยียบเสียหลักลื่นล้มอยู่บ่อยๆ
ส่วนในชุมชนก็มีจุดเสี่ยงหลายจุด อย่างจุดตัดเข้าซอย หรือบริเวณตลาดนัดก็มีรถชนกันบ่อย หรือทางโค้งริมน้ำ ซึ่งเป็นมุมอับ รถแหกโค้งไปเข้าบ้านเขาก็มี“เราจึงอยากจะมาแก้ปัญหาตรงนี้ เพื่อลดการสูญเสีย โดยได้ทำประชาคมร่วมกันกับชุนชน ได้ข้อสรุปภายในชุมชนเรา มีจุดเสี่ยงทั้งหมด จำนวน 10 จุด หลังจากนั้นก็มาช่วยกันออกแบบว่าจะแก้ปัญหาทั้ง 10 จุดเสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยนี้อย่างไร ทุกคนก็ช่วยกันเสนอว่าให้ทำสัญลักษณ์ หรือป้ายเตือน ทาสีบนถนน และออกระเบียบให้ขับรถช้าๆ จากนั้นจึงไปประสานกับ อบต.เพื่อขอติดตั้งป้ายเตือน” ผู้ใหญ่บ้านมะเกลือกล่าว
อย่างไรก็ดียังมีจุดเสี่ยงที่ยังแก้ได้ยาก เช่น ทางแยกจากถนนใหญ่ตัดเข้าวัด ซึ่งมีรถมากและเร็ว จึงเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ตอนนี้ทำได้เพียงติดป้ายเตือนไว้เท่านั้นผญบ.บ้านมะเกลือ กล่าวถึงปัญหาใหม่อีก ว่า ตอนนี้เราเจอปัญหาว่า ต้นเหตุการเกิดอุบัติเหตุมาจากหมูป่า เนื่องจากมีคนเอาหมูป่ามาปล่อยมาที่วัด แล้วขยายพันธุ์กันมากขึ้นๆ ตอนนี้มีไม่ต่ำกว่า 50 ตัว จึงวิ่งเพ่นพ่านในชุมชน โดยเฉพาะช่วง 3-4 ทุ่ม และ ตี 2-ตี3 มันจะเดินข้ามถนนออกไปหากินอีกฝั่งของถนน เข้าไปกัดกินพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านเสียหาย ขณะเดียวกันรถที่วิ่งผ่านไปมา ก็ชนไปหลายตัว คนที่ชนรถก็เสียหาย
ทางหมู่จึงทำป้ายเตือนให้รถระวังชนหมู และมีตำรวจคอยโบกให้ช่วงที่หมูออกมา เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้รถใช้ถนน ส่วนแนวทางระยะยาวเราก็จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาทำหมัน หรือขอรับไปเลี้ยง เพื่อลดจำนวนหมูป่าให้น้อยลงที่พอจะควบคุมได้“ตอนนี้อุบัติเหตุเริ่มลดลงเป็นที่น่าพอใจ แต่ก็จะมีบ้างสำหรับขาจรหรือคนต่างถิ่นที่สัญจรถนนเส้นนี้แล้วเกิดอุบัติเหตุ เพราะคนบ้านนี้เขารู้ แต่คนที่อื่นเขาไม่รู้ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลเช่น ปีใหม่ หรือสงกรานต์ รถจะวิ่งเยอะอีกหลายเท่าตัว ซึ่งช่วงเทศกาลเราจะมีการรณรงค์ลดอุบัติเหตุอีกครั้ง เช่นการติดป้ายเตือน หรือตั้งด่านชะลอความเร็ว” ผญบ.บ้านมะเกลือ กล่าว
บริเวณทางเข้าหมู่บ้าน มีป้อมตำรวจจากสภ,บางม่วงตั้งอยู่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ช่วยได้มากในการจัดระเบียบการจราจร และรักษาความปลอดภัย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้น โดยเรื่องของหมูที่มักจะเดินเพ่นพ่านเป็นประจำ ซึ่งเจ้าหน้าที่เองต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิดร.ต.ท.ธนภัสส์ วัฒนปริญญา รอง สว.ปป.สภ.บางม่วง หัวหน้าสายตรวจบ้านมะเกลือ กล่าวว่า นอกจากเราจะจัดกำลังเจ้าหน้าที่มาช่วยโบกให้เด็กและผู้ข้ามถนนบริเวณสามแยกตัดถนนใหญ่ ซึ่งถือเป็นจุดอันตรายที่สุดของชุมชน ในช่วงเช้ามืด ฝูงหมูป่าจะเดินข้ามถนนออกไปหากินฝั่งตรงข้าม ก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคอยโบก คอยกัน เพื่อเตือนให้รถที่สัญจรได้ชะลอ หยุด เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ชนหมู
อย่างไรก็ดีเจ้าหน้าที่ไม่สามารถดูแลได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะช่วงกลางคืนที่ทัศนวิสัยไม่ดี มีเหตุรถชนหมูบ่อยครั้ง 3-4 ครั้งต่อเดือน รถเสียหายไปหลายคัน ครั้นจะไปเรียกร้องเอาผิดกับใคร ก็ไม่ได้ เพราะถือว่าเป็นหมูไม่มีเจ้าของ ผู้เสียหายก็ต้องรับผิดชอบกันเอง“เจ้าหน้าที่ก็เห็นใจเช่นกัน ดังนั้นจึงฝากไปถึงผู้ใช้รถใช้ถนนให้ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง และขับช้าๆ เมื่ออยู่เขตชุมชน” รอง สว.ปป.สภ.บางม่วง กล่าว
การแก้ปัญหาอุบัติเหตุโดยการส่งเสริมให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม จึงเป็นแนวทางหนึ่งที่จะทำให้การเกิดอุบัติเหตุลดลงได้ ดังเช่น บ้านมะเกลือ แห่งนี้ ที่เข้ามาจัดการจุดเสี่ยงด้วยชุมชนเอง วันนี้อุบัติเหตุจึงลดลงกว่าเมื่อก่อนอย่างชัดเจน.