ผญบ.แม่แจ๊ะผนึกชุดดับไฟซุ่มจับนายพรานเข้าไปล่าสัตว์แต่จุดไฟเผาป่าอ้างง่ายต่อการล่า

ผญบ.แม่แจ๊ะผนึกชุดดับไฟซุ่มจับนายพรานเข้าไปล่าสัตว์แต่จุดไฟเผาป่าอ้างง่ายต่อการล่า

ขยายผลจับกุมมือเผาป่าที่แม่แจ่ม ผลงานผู้ใหญ่บ้านแม่แจ๊ะพบมีไฟลุกไหม้ป่าเหนือหมู่บ้าน ระดมชาวบ้านช่วยกันดับและพบรถยนต์จอดชายป่ารีบแจ้งนายอำเภอนำกำลังผสมร่วมดักรวบขณะออกจากเข้าไปล่าสัตว์ เจอจนท.หนีเข้าป่าสุดท้ายต้องเข้ามอบตัวเพราะจำนนต่อหลักฐาน เปิดปากรับสารภาพเผาป่าเพื่อล่าสัตว์ได้ง่ายขึ้น

นายบุญลือ ธรรมธรานุรักษ์ นายอำเภอแม่แจ่ม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์แก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า อ.แม่แจ่ม จว.เชียงใหม่ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธนเดช  ประสานเสียง ผกก.สภ.แม่แจ่มฯได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายนายปัญญา  จะหละ   อายุ 58 ปี บ้านเลขที่ 90  หมู่ 4 ต.บ่อแก้ว อ. สะเมิง จว.เชียงใหม่ โดยกล่าวหาว่าข้อหา “เผาป่าหรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือทำให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต,พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุสมควร,มีและพกพาวิทยุสื่อสารโดยไม่ได้รับอนุญาต”

ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่  2 เมษายน 2562  เวลาประมาณ 16.00 น. นายเกรียงศักดิ์  เตชะเลิศพนา ผู้ใหญ่บ้านแม่แจ๊ะ ม.13 ต.แม่นาจร  อ.แม่แจ่ม จว.เชียงใหม่ ได้ตรวจพบมีไฟลุกไหม้ที่บริเวณป่าเหนือหมู่บ้าน จึงได้ไปตรวจสอบปรากฏพบรถยนต์ กระบะยี่ห้อ Toyota สีเขียว ทะเบียน ผข 5258 เชียงใหม่ จอดอยู่บริเวณชายป่า โดยรอบบริเวณที่รถยนต์จอดพบร่องรอยไฟไหม้เก่า โดยห่างจากจุดที่รถจอดประมาณ 700 เมตร พบไฟกำลังลุกไหม้ จึงได้กลับไประดมกำลังชาวบ้านประมาณ 20 คน ช่วยกันดับไฟป่า แล้วรายงานเหตุให้นายอำเภอแม่แจ่มทราบ

นายอำเภอแม่แจ่มจึงได้สั่งการให้ นายกิตติพงษ์ ธิวงศ์ ปลัดอำเภอแม่แจ่ม นำกำลังเข้าร่วมตรวจสาเหตุของการเกิดไฟไหม้ และตรวจสอบรถยนต์คันที่จอดไว้บริเวณที่เกิดเหตุดังกล่าวซึ่งพบว่าปิดล็อคประตูรถไว้ โดยสันนิษฐานว่าเป็นรถยนต์ของผู้ที่เข้ามาหาของป่าหรือล่าสัตว์ และอาจจะจุดไฟเผาป่าเพื่อล่าสัตว์ ซึ่งผู้ใหญ่บ้านพร้อมกับชาวบ้านจึงได้จัดกำลังซุ่มดูบริเวณใกล้ที่เกิดเหตุเพื่อรอคณะเจ้าหน้าที่ จนกระทั่งเวลาประมาณ ๒๒.๐๐ น. ได้มีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากป่าที่เกิดไฟไหม้ที่ชาวบ้านได้ช่วยกันดับแล้วมาที่รถยนต์คันที่จอดอยู่ดังกล่าว ผู้ใหญ่บ้านกับพวกที่ซุ่มดูจึงได้แสดงตัวขอตรวจสอบ โดยชายคนดังกล่าวยินยอมให้ตรวจสอบ แต่ขณะที่กำลังจะควบคุมตัวไว้ ชายดังกล่าวได้วิ่งหลบหนีเข้าป่าไป

ขณะเดียวกันคณะเจ้าหน้าที่ปลัดอำเภอแม่แจ่ม พร้อมเจ้าหน้าที่อุทยานฯ และเจ้าหน้าที่ป่าไม้มาถึงที่เกิดเหตุ จึงได้ร่วมกันตรวจสอบรถยนต์กระบะดังกล่าว และสำรวจบริเวณรอบๆ บริเวณ พบอาวุธปืนลูกซองยาว ขนาดเบอร์ 12 ไม่มีเลขทะเบียน จำนวน 1 กระบอก พร้อมลูกกระสุนปืนลูกซอง เบอร์ 12 จำนวน 17 นัดอยู่ในย่าม วางอยู่ในป่าห่างจากที่รถยนต์ดังกล่าวประมาณ 10 เมตร พบวิทยุสื่อสารยี่ห้อ Wanhua จำนวน ๑ เครื่อง วางอยู่ห่างจากรถยนต์ดังกล่าวประมาณ 15 เมตร พบโทรศัพท์ยี่ห้อ NOKIA อยู่ในเสื้อกันหนาวแขนยาวสีน้ำเงินที่ชายดังกล่าวทิ้งไว้ พร้อมกระเป๋าเป้สีดำข้างในมีอาวุธมีดและขวดน้ำ และพบกุญแจรถยนต์ยี่ห้อ TOYOTA วางอยู่ที่โคนต้นไม้ห่างจากรถยนต์กระบะดังกล่าวประมาณ 5 เมตร จึงได้ร่วมกันตรวจสอบรถยนต์กระบะ ป้ายทะเบียน ผข 5258 เชียงใหม่ พบเอกสารภายในรถยนต์ ได้แก่ สำเนาทะเบียนบ้าน,ใบคู่มือจดทะเบียนรถ,เอกสารกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ปรากฏชื่อนาย ปัญญา จะหละ เป็นเจ้าของรถดังกล่าว จึงได้ทำการตรวจยึดไว้ และร่วมกันตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุที่เกิดไฟลุกไหม้

เบื้องต้น พบว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่แจ่ม พื้นที่บ้านแม่แจ๊ะ หมู่ ๑๓ ต.แม่นาจร อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ซึ่งจากการตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุแล้ว สันนิษฐานว่านายปัญญา  จะหละ  เป็นผู้กระทำความผิดที่หลบหนีไป ที่ได้เข้าไปล่าสัตว์ป่าแล้วเชื่อว่าได้จุดไฟเผาป่าเพื่อให้สะดวกแก่การไล่ล่าสัตว์ป่าโดยใช้อาวุธปืนลูกซองและกระสุนปืนที่ตรวจพบเป็นเครื่องมือในการล่าสัตว์และผลของการจุดไฟเผาป่าเป็นเหตุให้เกิดไฟไหม้ป่าซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่แจ่ม ได้รับความเสียหาย โดยความเสียหายจะได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งคณะเจ้าหน้าที่พิจารณาเห็นว่าเป็นการกระทำความผิด จึงได้ร่วมกันตรวจยึดของกลางและบันทึกเรื่องราวร้องทุกข์นำส่งพนักงานสอบสวน .สภ.แม่แจ่ม เพื่อดำเนินคดีกับนายปัญญา  จะหละ  ในข้อหา “เผาป่าหรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือทำให้เสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต,พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือโดยเปิดเผยหรือโดยไม่มีเหตุสมควร,มีและพกพาวิทยุสื่อสารโดยไม่ได้รับอนุญาต” เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.

 

You may also like

เริ่มแล้วกับงาน“AMAZING CHIANG MAI COUNTDOWN 2025”เข้าชมฟรีททท.คาดเงินสะพัด3.5 พันล้านบาท เผยยอดจองที่พักพุ่งกว่า 91%

จำนวนผู้