ผวจ.เชียงใหม่และหัวหน้าส่วนราชการ เอกชนในภาคเหนือร่วม งานวันชาติญี่ปุ่นและฉลองวาระครบ 60 พรรษาของสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะที่สถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่จัดขึ้น
เมื่อค่ำวานนี้(21 ก.พ.63)ณ ห้องแกรนด์คอนเวนชั่นฮอลล์ โรงแรมเลอเมอริเดียน เชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน รองผู้ว่าราชการจังหวัดในภาคเหนือ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 ผู้บังคับการกองบิน 41 เจ้านายฝ่ายเหนือ กงสุลใหญ่และกงสุลกิตติมศักดิ์ต่างประเทศ ตลอดจนหัวหน้าส่วนงานราชการและแขกรับเชิญภาคเอกชน สื่อมวลชน เข้าร่วมงานวันชาติญี่ปุ่นและฉลองวาระครบ 60 พรรษาของสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ ซึ่งสถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ จัดขึ้น
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า นับตั้งแต่ประเทศไทย และประเทศญี่ปุ่นได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 26 กันยายน พ.ศ.2430 นั้น ตลอดระยะเวลา 130 กว่าปีที่ผ่านมา มิตรภาพและความร่วมมืออันดีระหว่างสองประเทศได้พัฒนาร่วมกันมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระราชไมตรีระดับพระราชวงศ์ที่ทรงเปรียบเสมือนต้นแบบของการกระชับสัมพันธไมตรี ความร่วมมือ การสนับสนุน และการแลกเปลี่ยนกันอย่างกว้างขวาง ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และวัฒนธรรม ระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น สัมพันธภาพอันอบอุ่นนี้ จะเป็นสะพานเชื่อมไปสู่การเรียนรู้และการพัฒนาร่วมกันในหลายมิติ จึงเชื่อมั่นได้ว่าทั้งสองประเทศจะเดินไปสู่อนาคตที่งดงามได้
ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ได้มีการลงนามสถาปนาความสัมพันธ์เมืองพี่เมืองน้องระหว่างจังหวัดเชียงใหม่กับจังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2556 ซึ่งก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านการศึกษา และวัฒนธรรม เพื่อกระชับมิตรภาพ และพัฒนาความสัมพันธ์อันดีระหว่างจังหวัดเชียงใหม่กับจังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น
“ในนามของจังหวัดเชียงใหม่ ผมขอขอบคุณชาวญี่ปุ่นทุกท่าน ทั้งนักท่องเที่ยว นักธุรกิจ องค์กรอิสระ และผู้พำนักระยะยาว ที่ได้เล็งเห็นถึงความน่าสนใจและความสวยงามของจังหวัดเชียงใหม่ และชื่นชอบในอัตลักษณ์ความเป็นล้านนาของเรา ผมเชื่อมั่นว่าชาวจังหวัดเชียงใหม่ทุกคนพร้อมที่จะให้การต้อนรับชาวญี่ปุ่นและผู้มาเยือนทุกท่านเสมือนเครือญาติ ด้วยหัวใจอันอบอุ่น เอื้อเฟื้อ และเกื้อกูลซึ่งกันและกัน”
เนื่องในโอกาสมหามงคลที่สมเด็จพระจักรพรรดิแห่งประเทศญี่ปุ่นทรงมีพระชนมพรรษาครบ 60 พรรษา ในนามของจังหวัดเชียงใหม่ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก ตลอดจนพระบารมีแห่งองค์พระบรมธาตุเจ้าดอยสุเทพ ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะสูงสุดของชาวจังหวัดเชียงใหม่ ได้โปรดดลบันดาลประทานพรให้สมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะ และสมเด็จพระจักรพรรดินีมาซาโกะ ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง มีพระชนมพรรษายิ่งยืนนาน และเป็นมิ่งขวัญของปวงพสกนิกรตลอดไปขอให้ความสัมพันธ์ระหว่างเราทั้งสองมีความมั่นคงยั่งยืน
ทางด้านนายฮิโรชิ มัทสึโมะโตะกงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา ได้มีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะของญี่ปุ่น และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่10 ของไทย ถือเป็นวาระมหามงคลที่สานความสัมพันธ์ระหว่างไทยและญี่ปุ่นให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทั้งในระดับราชวงศ์และระดับประชาชน ดังจะเห็นได้จากการพบปะกันของนายอาเบะ ซินโซะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นและพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย ในงานประชุมผู้นำ G20 และ ASEAN เมื่อปีที่แล้ว และการมาเยือนไทยของนาย MOTEGI Toshimitsu รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ของสองประเทศมากยิ่งขึ้น รวมถึงการแลกเปลี่ยนระดับประชาชนที่พัฒนาในหลากหลายด้าน เช่น ในปีที่แล้วมีชาวไทยมากกว่าล้านคนไปท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น และมีชาวญี่ปุ่นมากกว่าหนึ่งล้านหกแสนคนมาท่องเที่ยวประเทศไทย
“ในคืนนี้ ได้มีตัวแทนจากจังหวัด Fukuoka และ Okinawa มาออกบูธเกี่ยวกับการท่องเที่ยว และตั้งแต่กรกฎาคมปีนี้ กีฬา Olympic จะจัดขึ้นที่ Tokyo ผมจึงหวังว่าจะมีชาวไทยไปท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นกันมากยิ่งขึ้น สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและญี่ปุ่นในภาคเหนือ จะพบการแลกเปลี่ยนมากมายเช่นกัน ตั้งแต่ผมมารับตำแหน่งเมื่อพฤษภาคมปีที่แล้วผมได้ไปเยือนทั้งเก้าจังหวัด ในโอกาสนั้นผมได้เป็นตัวแทนรัฐบาลญี่ปุ่นผ่านโครงการ KUSANONE ให้การสนับสนุน รถดับเพลิง รถกู้ภัย หอพักนักเรียน และอื่นฯ แก่ชุมชนระดับรากหญ้า ซึ่งผมหวังว่าการสนับสนุนเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาสังคมไทยต่อไป”
ในด้านวัฒนธรรมและการศึกษา สถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่นฯ มีโอกาสได้ร่วมส่งรถกระทงที่แสดงออกถึงวัฒนธรรมญี่ปุ่นในเทศกาลลอยกระทง ภายใต้ความร่วมมือของเทศบาลนครเชียงใหม่ นอกจากนี้ ผมมีโอกาสได้ไปชมการเรียนการสอนภาษาญี่ปุ่น และพบว่ามหาวิทยาลัยหลายแห่งในเชียงใหม่มีการแลกเปลี่ยนกับสถาบันศึกษาของญี่ปุ่นอย่างกว้างขวาง ผมรู้สึกดีใจที่เยาวชนไทยจำนวนมากให้ความสนใจในภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่น ซึ่งในคืนนี้ นักศึกษาชาวไทยก็ได้มาช่วยสาธิตพิธีชงชาแบบญี่ปุ่นด้วย การแลกเปลี่ยนด้านศิลปะหัตถกรรม ก็มีตัวอย่างเช่น โครงการ KOYORI ที่มีการถ่ายทอดเทคนิคการออกแบบผลิตภัณฑ์โดยผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่น เพื่อพัฒนามูลค่าของสินค้า OTOP ในภาคเหนือของไทย ดังที่จัดแสดงผลงานให้ทุกท่านได้ชมบริเวณหน้าห้อง reception
ด้านเศรษฐกิจ มีบริษัทญี่ปุ่นมากกว่า 30 บริษัทมาเปิดโรงงานผลิตในจังหวัดลำพูน บางโรงงานถือเป็นแหล่งผลิตสำคัญของบริษัทญี่ปุ่น ซึ่งส่งผลให้เกิดการส่งออก การจ้างงาน การถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีสู่คนไทย อีกทั้ง บริษัทญี่ปุ่นเหล่านี้ได้กิจกรรมด้านสังคมและการรักษาสิ่งแวดล้อมร่วมกับชุมชน ภายใต้แนวคิด Corporate Social Responsibility (CRS)
อ้างถึงคำกล่าวของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เกี่ยวกับการสานความสัมพันธ์กับจังหวัด ฮอกไกโด ปัจจุบันรัฐบาลญี่ปุ่นเน้นบทบาทของท้องถิ่นมากขึ้น การแลกเปลี่ยนระดับท้องถิ่นทั้งภาครัฐและเอกชนจึงมีความสำคัญมาก ส่งผลให้ มีองค์กรหรือบริษัทระดับท้องถิ่นของญี่ปุ่นเข้ามาจังหวัดเชียงใหม่กันมากขึ้น เพื่อประสานขอความร่วมมือ ซึ่งผมก็ขอความร่วมมือจากทุกท่านในการสนับสนุนการแลกเปลี่ยนเช่นนี้ในภาคเหนือของไทยต่อไป และขอบคุณทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนใน 9 จังหวัดภาคเหนือ ตลอดจนชาวไทยทุกท่านที่มีส่วนในการดูแลและช่วยเหลือชาวญี่ปุ่นในท้องถิ่นนี้ ตลอดมา
จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่และแขกที่มาร่วมงานได้ร่วมกันดื่มถวายชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 และสมเด็จพระราชินี ขอทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์พระชนมพรรษายั่งยืนนาน อีกทั้ง ขอให้ความสัมพันธ์อันดีระหว่างชาวไทยและชาวญี่ปุ่นยั่งยืนสืบไป.