ฝนหลวงเคลื่อนที่เร็วที่เชียงใหม่ พร้อมเริ่มปฏิบัติการบ่ายนี้(3ก.พ.66)ตั้งเป้า 3-5 วันให้เกิดฝน เน้นพื้นที่ 6 ดอยและ 19 รอยต่อ

ฝนหลวงเคลื่อนที่เร็วที่เชียงใหม่ พร้อมเริ่มปฏิบัติการบ่ายนี้(3ก.พ.66)ตั้งเป้า 3-5 วันให้เกิดฝน เน้นพื้นที่ 6 ดอยและ 19 รอยต่อ

กรมฝนหลวงและการบินเกษตรตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็วที่เชียงใหม่ พร้อมเริ่มปฏิบัติการบ่ายนี้(3ก.พ.66)ตั้งเป้า 3-5 วันให้เกิดฝน เน้นพื้นที่ 6 ดอยและ 19 รอยต่อ

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ติดตามสถานการณ์การแก้ไขปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่ภาคเหนือ พร้อมเปิดเผยว่า ตามที่ค่าคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ เริ่มมีแนวโน้มสูงขึ้นและมีค่าสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมประเทศไทยบริเวณตอนบนมีกำลังอ่อนลง จึงทำให้มีการสะสมของฝุ่นละอองเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับข้อมูลสถานการณ์ค่าคุณภาพอากาศจากกรมควบคุมมลพิษ เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 พบว่า ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM2.5 มีค่าอยู่ระหว่าง 47 – 128 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน หรือ PM10 มีค่าอยู่ระหว่าง 62 – 188 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งอยู่ในระดับเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพ (สีส้ม) ถึงระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีแดง) โดยส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือเป็นวงกว้างแล้วนั้น ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนจากสถานการณ์ดังกล่าว จึงได้สั่งการให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร วางแผนปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน โดยขอให้ประสานกับหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่ป่าไม้ ลดโอกาสการเกิดไฟป่า บรรเทาปัญหาหมอกควันและปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

รองอธิบดีกรมฝนหลวงฯ กล่าวอีกว่า วันนี้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็ว จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทำฝนเทียมบรรเทาปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยมอบหมายให้ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ ติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด เพื่อวางแผนปฏิบัติการฝนหลวงเมื่อสภาพอากาศเหมาะสมและเข้าเงื่อนไข โดยมีพื้นที่เป้าหมายช่วยเหลือ จำนวน 6 ดอย ได้แก่ บริเวณดอยพระบาท จังหวัดลำปาง ดอยจระเข้ จังหวัดเชียงราย ดอยกองมู จังหวัดแม่ฮ่องสอน ดอยขะม้อ จังหวัดลำพูน ดอยหลวงและดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงพื้นที่เฝ้าระวังรอยต่อระหว่างจังหวัด จำนวน 19 รอยต่อของพื้นที่ภาคเหนือที่อาจเกิดไฟป่าอีกด้วย

“ในตอนบ่ายวันนี้จะขึ้นบินปฏิบัติการทันที และทำต่อเนื่องตลอด 3-5 วันเพื่อให้เกิดฝนให้ได้ ซึ่งจากการตรวจเช็คสภาพอากาศและความชื้นแล้วมีโอกาสสูงเพราะค่าความชื้นสูงกว่า 70% สำหรับต้นทุนในการขึ้นบินปฏิบัติการต่อครั้งประมาณ 1-2 แสนบาท สำหรับเครื่องบินแบบ CASA ใช้สำหรับปฏิบัติการฝนหลวง 1 ลำบรรทุกสารได้ 1 ตัน ส่วนเฮลิคอปเตอร์แบบ Bell 407 นั้นจะใช้สำหรับดับไฟป่า”นายสุพิศ กล่าวและว่า

อย่างไรก็ตาม กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ยังมีการสนับสนุนอากาศยานให้แก่กองทัพภาคที่ 3 เพื่อใช้ในการปฏิบัติภารกิจดับไฟป่าและบินสำรวจจุดความร้อน (Hotspot) ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2566 เป็นต้นมา จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ประกอบด้วย เฮลิคอปเตอร์แบบ Bell 407 จำนวน 1 เครื่อง (พร้อมอุปกรณ์ตักน้ำดับไฟป่า) เครื่องบินแบบ CASA จำนวน 2 เครื่อง และเครื่องบิน Super King Air จำนวน 1 เครื่อง ทั้งนี้ กรมฝนหลวงฯ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน พี่น้องเกษตรกร งดการเผาทุกประเภท เพื่อช่วยกันลดปัญหามลพิษจากหมอกควันและฝุ่นละออง ขนาดเล็กpm2.5.

You may also like

มนต์เสน่ห์เชียงใหม่ เมืองดอกไม้งาม” ภายใต้แนวคิด The Golden of Lanna

จำนวนผู้