รัฐบาลญี่ปุ่นเห็นชอบให้การสนับสนุนโครงการจัดหารถรับส่งเด็ก และผู้สูงอายุ ตำบลท่าก๊อ อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ผ่านโครงการความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจแบบให้เปล่าเพื่อพื้นฐานและความมั่นคงของมนุษย์ (หรือโครงการคุซะโนะเนะ)
เมื่อวันที่ 28 ก.ย.65 ที่สถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ได้มีพิธีลงนามความตกลงระหว่าง นายฮิกุจิ เคอิจิ กงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ กับ นายรัสชณพงษ์ รัตนะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าก๊อ ตามโครงการจัดหารถรับส่งเด็กและผู้สูงอายุ ต.ท่าก๊อ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นเห็นชอบสนับสนุนโครงการดังกล่าวผ่านโครงการความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจแบบให้เปล่าเพื่อพื้นฐานและความมั่นคงของมนุษย์
ทั้งนี้ตำบลท่าก๊อตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขา ห่างจากตัวอำเภอเมืองเชียงรายประมาณ 70 กิโลเมตร และประมาณ 70% ของพื้นที่ตำบลท่าก๊อเป็นผืนป่า ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมจึงต้องใช้ชีวิตที่แสนอัตคัด ส่วนใหญ่พ่อแม่ซึ่งเป็นประชากรวัยแรงงานต้องออกไปทำงานในเมืองใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ขององค์การบริหารส่วนตำบลท่าก๊อ ทำให้เด็กนักเรียนของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในสังกัดจำเป็นต้องเดินทางไปโรงเรียนโดยใช้รถยนต์ แต่หลายครอบครัวไม่สามารถรับส่งเด็กได้ด้วยเหตุผลทางโครงสร้างครอบครัวและความยากจน ดังนั้นผู้ปกครองจึงต้องใช้มอเตอร์ไซค์โดยมีผู้โดยสารหลายคนขึ้นรถไปพร้อมกัน หรือต้องใช้การบริการรถรับ-ส่งเด็กซึ่งดำเนินการโดยบริษัทเอกชน แต่การใช้มอเตอร์ไซค์ที่มีจำนวนผู้โดยสารเกินกำหนดทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และรถของบริษัทเอกชนสำหรับการรับส่งเด็กนั้นก็มีการใช้งานมามากกว่า 15 ปี และมีการเสื่อมสภาพอย่างร้ายแรง จึงถือเป็นสภาพแวดล้อมในการรับ-ส่งเด็กที่ไม่ปลอดภัย นอกจากนี้ องค์การบริหารส่วนตำบลท่าก๊อยังมีการดำเนินการโรงเรียนสำหรับผู้สูงอายุโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้สูงอายุติดบ้านและอยู่ที่บ้านคนเดียว แต่ยังมีผู้สูงอายุส่วนหนึ่งที่ไม่สามารถไปโรงเรียนด้วยตนเองได้ ดังนั้นการจัดซื้อรถรับส่งเด็กและผู้สูงอายุขององค์การบริหารส่วนตำบลเองนั้นจึงถือเป็นประเด็นปัญหาที่สำคัญและต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วนเพื่อสร้างระบบการคมนาคมที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
ทางรัฐบาลญี่ปุ่นจึงให้การสนับสนุนแก่องค์การบริหารส่วนตำบลท่าก๊อเป็นงบประมาณมูลค่า 2,150,200 บาท เพื่อจัดหารถมินิบัสสำหรับการรับส่งเด็กและผู้สูงอายุจำนวน 1 คัน ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการสนับสนุนในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยเด็กและผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเดินทางไปโรงเรียนด้วยตัวเองได้ ขณะเดียวกันยังช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัว และนำไปสู่การพัฒนาสภาพแวดล้อมการศึกษาขั้นพื้นฐานและความปลอดภัยในชีวิตประจำวันของผู้อยู่อาศัยใกล้เคียงรวมถึงผู้สูงอายุอีกด้วย.