2 ครีเอเตอร์ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ และนายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน จับมือสร้างสรรค์โปรเจคยักษ์แห่งปีกับงาน“วัดร่องขุ่น ไลท์ เฟส ตอน ปฐมบท” (Wat Rong Khun Light Fest, Episode: Begins) งานแสดง แสง เสียง ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจังหวัดเชียงราย เพื่อเชิดชูงานศิลปะไทยให้เป็นที่ชื่นชมกล่าวขานไปทั่วโลก และประกาศศักยภาพความเก่งความสามารถของคนไทย สร้างประโยชน์และชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นจากการจัดงานอีเว้นท์ พร้อมเปิดฉากแสดงรับลมหนาวในรอบพรีเมียร์ด้วยการเนรมิตร 6 จุดแลนด์มาร์ค “วัดร่องขุ่น”ให้มีชีวิตเปลี่ยนสี เปล่งแสง ชวนให้นักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างชาติมาสัมผัสกับความมหัศจรรย์และความงดงามของสถาปัตยกรรมพุทธศิลป์ของ “วัดขาว” ที่ติด 1 ใน 10 “วัดที่สวยที่สุดในโลก”ให้ได้ชมกันในยามค่ำคืนเป็นครั้งแรก ตั้งเป้าขายบัตรหมดทุกรอบรวม 37,000 ใบ คาดสร้างรายได้การท่องเที่ยวจังหวัดเชียงรายมากกว่า 740 ล้านบาท ตลอดจัดการแสดง 1 เดือน เริ่มวันที่ 22พย.- 22ธค.นี้
(วันที่ 20 พฤศจิกายน 2562 วัดร่องขุ่น จ.เชียงราย) อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ ผู้สร้างวัดร่องขุ่น กล่าวว่า “..ปกติเป็นคนสนใจเรื่องงานไลท์ เฟส อยากจะทำตั้งแต่เริ่มสร้างวัดแล้ว..ถึงวันนี้วัดร่องขุ่นครบ 22 ปีแล้ว บังเอิญได้คุยกับเมฆ อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ (เกรียงไกร กาญจนะโภคิน)เค้าบอกอยากทำตั้งใจให้เป็นงานระดับโลก จึงร่วมงานกัน งานนี้เมฆสั่งเทคโนโลยีใหม่ๆของโลกเข้ามาเลยเรียกว่าจัดเต็มทุกอย่าง เพื่อที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ต้องการอย่างเดียวคือแข่งกับโลก เพื่อโลกจะได้เห็นความงดงามของวัดร่องขุ่นในช่วงเวลาต่างๆ อย่างในตอนกลางวันวัดของเราสีขาวประดับด้วยกระจกเมื่อโดนแสงสะท้อนจากพระอาทิตย์จะสวยงามชนะเลิศอยู่แล้ว และเวลาที่แสงมันเปลี่ยนตั้งแต่เช้า กลางวัน เย็น มันจะสวยงามต่างกัน และในตอนกลางคืนเมื่อจัดงานไลท์เฟส ยิงแสง สาดไฟเข้าไปมันจะยิ่งสวยงามมากขึ้นทำให้เกิดอารมณ์ที่แตกต่าง หากท่านเคยเห็นงานไลท์เฟสในต่างประเทศแล้ว เราก็อยากเชิญชวนให้มาชมงานไลท์เฟสจากฝีมือคนไทยดูบ้าง มันเป็นการประกาศศักยภาพว่าคนไทยเก่ง นี่คืองานศิลปะของชาติ คือความงามที่เข้าถึงมนุษยชาติให้โลกได้รู้และชื่นชมกล่าวขานในสิ่งสวยงามของศิลปะไทยที่ยิ่งใหญ่ ให้คนไทยร่วมกันเชิดชูงานศิลปะไทย เป็นโปรเจคที่ตอบแทนบ้านเกิด เพราะวัดร่องขุ่นคือความภูมิใจของคนเชียงราย และเป็นสมบัติของคนไทยทุกคน เป็นสมบัติของชาติไทย..”
ด้านนายเกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการตลาดเชิงสร้างสรรค์อย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน บริษัท ครีเอทีฟอีเว้นท์ อันดับ 7 ของโลก (จัดอันดับโดยนิตยสารสเปเชี่ยล อีเว้นท์ แม็กกาซีน ประเทศสหรัฐอเมริกา) และผู้อำนวยการสร้างสรรค์วัดร่องขุ่น ไลท์เฟส เปิดเผยว่า “…วัดร่องขุ่น ไลท์เฟส เป็นงานแสดง แสง เสียง ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจังหวัดเชียงราย เพื่อเชิดชูงานศิลปะไทยให้เป็นที่ชื่นชมกล่าวขานไปทั่วโลก ทั้งในด้านการพัฒนาวงการศิลปะร่วมสมัย ถือเป็นการเปิดโลกทัศน์พร้อมเผยแพร่ผลงานศิลปะของไทยในรูปแบบใหม่ๆให้กว้างขวางทั้งด้านสร้างแนวคิด จินตนาการและมุมมองใหม่ๆให้ได้ซาบซึ้งไปกับความงดงามของศิลปะกับการแสดงที่มัลติมีเดียที่อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล แล้วบรรจงถ่ายทอดออกมาได้อย่างวิจิตรงดงามและตระการตา เป็นงานโชว์ฝีมือและความสามารถของคนไทยที่ไม่แพ้ต่างชาติแน่นอน นอกจากเป็นโปรเจคที่มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์และชื่อเสียงให้กับประเทศไทย และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นจากการจัดงานอีเว้นท์อาทิในกลุ่มโรงแรมรีสอร์ต ร้านอาหาร และขนส่งสาธารณะ รวมทั้งสร้างอาชีพและรายได้ให้กับคนในพื้นที่ เป็นต้น การได้มาชมงานวัดร่องขุ่น ไลท์ เฟส ครั้งนี้ถือว่าคุ้มค่า เพราะมีให้ชมกันถึง 6 จุดแลนด์มาร์คยอดฮิต ที่เราเนรมิตรความมหัศจรรย์ขึ้นมาใหม่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างชาติมาสัมผัสกับความงดงามเมื่อ “วัดร่องขุ่น” ถูกปลุกให้มีชีวิตและเปลี่ยนสี เปล่งแสงได้ รับรองต้องประทับใจอย่างแน่นอน ตั้งเป้าขายบัตรหมดทุกรอบรวม 37,000 ใบ คาดสร้างรายได้การท่องเที่ยวจังหวัดเชียงรายมากกว่า 740 ล้านบาท ตลอดจัดการแสดง 1 เดือนเต็ม หากใครพลาดครั้งนี้อาจไม่ได้ชมอีกเลย…”
“ วัดร่องขุ่น ไลท์ เฟส ตอน ปฐมบท” เป็นการแสดงเรื่องราวชีวิต จิตวิญญาณ และผลงานสู่การเป็นศิลปินแห่งชาติผู้ยิ่งใหญ่ของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ กับสุดยอดโชว์มัลติมีเดียระดับโลก ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ “วัดร่องขุ่น” สถาปัตยกรรมพุทธศิลป์ที่มีอัตลักษณ์และคุณค่าได้ถูกนำมาผสมผสานกับเทคโนโลยีดิจิทัลระดับโลก ด้วยการเนรมิตร 6 จุดแลนด์มาร์ค “วัดร่องขุ่น”ให้มีชีวิต อาทิ การใช้เทคนิค 3D Mapping, เลเซอร์โชว์ และปรากฏการณ์ Immersive Experience และการแสดงม่านน้ำ ฯ พร้อมปริศนาธรรมแฝงแง่คิดคำสอนทางพระพุทธศาสนา ภายใต้คอนเซปต์ “THE ILLUMINATION OF WHITE TEMPLE” ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชมได้เพลิดเพลินสนุกกับการเดินชมและถ่ายภาพงานไลท์เฟสในตอนกลางคืน ทั้ง 5 จุดเริ่มจากจุดที่ 1. หนทางสู่สรวงสวรรค์ (THE WAY TO HEAVEN) จิตที่ละได้ซึ่งกิเลสตัณหาจะเจริญสู่แดนทิพย์วิมาน ประหนึ่งบัวหลุดพ้นน้ำเบิกบานจิต จุดที่ 2. ปากพญามาร-ขุมนรก (THE SINS) ความน่ากลัว ณ ขุมนรกจุดเชื่อมต่อสู่สู่สรวงสวรรค์ มีเพียงจิตที่บรรลุธรรมเท่านั้นถึงจะได้เดินทางสู่พุทธภูมิเบื้องหน้า จุดที่ 3. บ่อน้ำอธิษฐานจิต (ASTROLOGY) ให้แสงแห่งแรงอธิษฐานนำแสงสว่างมาสู่ภายในจิตใจ จุดที่ 4.ต้นโพธิ์แห่งการตรัสรู้ (ENLIGHTENING) การเล่าขานตำนานพระพุทธเจ้า จุดที่ 5.สังสารวัฏ (CIRCLE OF LIFE) สัจธรรมแห่งชีวิต การเกิด แก่ เจ็บ ตาย การหลุดพ้นจะต้องพึ่งอริยสัจ 4 ได้แก่ ทุกข์ ความจริงว่าด้วยทุกข์ สมุทัย ความจริงว่าด้วยเหตุแห่งทุกข์ นิโรธ ความจริงว่าด้วยความดับทุกข์ มรรค ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์
สำหรับการแสดงจุดที่ 6.ปฐมบทแห่งวัดร่องขุ่น (WAT RONG KHUN BEGINS) ณ หอพระพิฆเนศ จะเป็นการจัดที่นั่งให้ชมการแสดง เปิดฉากอย่างยิ่งใหญ่ด้วยดนตรีโหมโรงครบเครื่องไฟเรืองรองส่องสว่างจับตาที่องค์พระพิฆเนศในรูปแบบของการแสดงละครเวทีที่จะพาผู้ชมย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ในหมู่บ้านเล็กๆในจังหวัดเชียงราย กับเรื่องราวการเดินทางต่อสู่กับโชคชะตา อุปสรรค และความเชื่อสู่การศิลปินแห่งชาติผู้ยิ่งใหญ่ที่ทั่วโลกรู้จักในชื่อของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ทั้งการสร้างสรรค์ในแต่ละฉากมีความสวยงามเต็มเปี่ยมไปด้วยเรื่องราวของวัฒนธรรม วิถีชีวิต ของคนไทยชาวภาคเหนือ เมื่อนำดนตรีและการใช้ภาษาถิ่นแบบชาวล้านนามาใช้ในการแสดงครั้งนี้ช่วยเพิ่มเสน่ห์ในการชมได้อย่างงดงามตราตรึง หากใครได้ชมแล้วจะประทับใจไม่รู้เลือน