นางวิภาวัลย์ วรพุฒิพงค์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า โดยส่วนตัวเชื่อว่าการเลือกตั้งจะมีขึ้นตามที่รัฐบาลและกกต.ได้ออกมาให้ข่าว และยืนยันกับประชาชนว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งประมาณเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ซึ่งการเลือกตั้งเป็นสิ่งที่ประชาชนคนไทยรอคอยมานาน และจะเป็นการเรียกความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้มีความมั่นใจและเข้ามาลงทุนมากขึ้น
“จริงๆ แล้วเรามองว่าในภาพรวม รัฐบาลเองก็มีความพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับพื้นที่ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ โดยเฉพาะกับคำที่ว่ารวยกระจุก จึงต้องกระจายงบประมาณ เพื่อให้ระดับพื้นที่ ชุมชน และรากหญ้า จะเห็นได้ว่ามีหลายโครงการที่ได้ให้ระดับพื้นที่เป็นผู้คิดและดำเนินโครงการเอง แต่ก็เชื่อมั่นว่าการแก้ไขปัญหาความยากจน จำเป็นต้องใช้เวลาพอสมควร ซึ่งประเทศไทยติดกับดักความยากจนมานานมากแล้ว และแนวทางแก้ปัญหาของรัฐบาลนี้ก็ถูกทาง ไม่ว่าจะเป็นระดับพื้นที่ หรือระดับผู้ประกอบการโอทอป และเอสเอ็มอี ได้รับการสนับสนุนทั้งด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การส่งออก มีหลายหน่วยงานได้เข้ามาช่วยเหลือ ทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย ถือเป็นมิติใหม่ของการบริหารจัดการของรัฐบาล เพราะในอดีตแต่ละกระทรวงต่างคนต่างทำ แต่ตอนนี้มีการบูรณาการกัน รัฐบาลก็ใช้คำว่า Value Chain หรือทฤษฎีห่วงโซ่แห่งคุณค่า ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ซึ่งภาคเอกชนมองว่าเป็นอะไรที่สมบูรณ์ จับต้องได้ และแก้ปัญหาได้มากขึ้น”
ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ยังกล่าวถึงปัญหาเศรษฐกิจในขณะนี้ว่า ไม่ได้มีปัจจัยแค่ภายในประเทศ แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกด้วย ทั้งในภูมิภาคเอเชีย และเศรษฐกิจโลก แต่หากไทยมีการเลือกตั้ง ก็จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศ ทำให้มีการลงทุน มีการจ้างงาน ทำให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และยังมีความเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย จะนำไปสู่ความสงบสุขของคนในประเทศได้มากที่สุด เพราะจะเห็นว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหลังจากมีการรัฐประหาร ก็มีการเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งมาโดยตลอด และขณะนี้รัฐบาลก็กำลังจะตอบสนองความต้องการของประชาชน เชื่อว่าความสงบสุขจะเกิดขึ้นแน่นอน หากประชาชนให้ความร่วมมือ และอยู่ในกฎ ระเบียบ กติกา ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า มีความกังวลนิดๆ ในส่วนของประเทศไทยที่การจัดการเลือกตั้งทุกครั้งจะมีปัญหาความขัดแย้งทางความคิด แต่ก็เชื่อว่าในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ได้มีการแก้กฎหมาย ซึ่งทำให้ประเด็นข้อขัดแย้งลดลงได้ แต่ทั้งนี้ประชาชนก็ต้องให้ความร่วมมือเพื่อให้การเลือกตั้งสงบ สมบูรณ์ และเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงด้วย.