ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์เผยสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในเชียงใหม่ครึ่งปีแรก มีทิศทางปรับตัวลดลง คอนโดฯเปิดตัวใหม่ยังไม่มี ส่วนบ้านจัดสรรตลาดยังมีกำลังซื้อดีอยู่ แม้จะยอดขายไม่ดีนัก และคาดว่าปีหน้ายอดขายจะดีขึ้นแต่อาจจะไม่สูงมากนัก และยังไม่อยู่ในภาวะโอเวอร์ซัพพลาย
เมื่อวันที่ 12 ก.ย.66ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคาอาคารสงเคราะห์ จัดงานสัมมนาเปิดโอกาสการลงทุน…ฝ่าปัจจัยลบ ตลาดที่อยู่อาศัยภาคเหนือ โดย ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารและรักษาการรผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคาอาคารสงเคราะห์ ได้รายงานสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยภาคเหนือ จากผลการสำรวจภาคสนาม ครึ่งแรกปี 2566 (เชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย พิษณุโลก และนครสวรรค์)
ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารและรักษาการรผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคาอาคารสงเคราะห์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ตลาดที่อยู่อาศัยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ครึ่งปีแรก 2566 จากการสำรวจพบว่า โซนที่มีมีโครงการเปิดตัวใหม่มากสุด 5 อันดับแรก คือ โซนบ่อสร้าง-ดอยสะเก็ด สารภี แม่โจ้และหางดงมีการเปิดตัวใหม่มากสุด ภาพรวมการเปิดตัวตลาดใหม่ สำหรับยอดขายบ้านจัดสรรอันดับแรก โซนสารภี 110 หน่วย สันทราย ท่ารั้ว-ดอยสะเก็ด บ่อสร้าง-ดอยสะเก็ด ซึ่งการเปลี่ยนแปลงพบว่าบ้านจัดสรรในสารภียอดขายมีการขยายตัวติดลบหากเทียบกับปีก่อน ส่วนโซนสันทรายมีการเปลี่ยนแปลงในโซนที่มีการปรับตัวลดลงเช่นเดียวกัน อัตราการดูดซับในส่วนของบ้านจัดสรรที่มียอดขายที่สูงสุดคือสารภี
สำหรับคอนโดมิเนียม ไม่มีการเปิดตัวใหม่ ส่วนหน่วยเหลือขาย โดยที่ขายได้จะอยู่แถวหางดงตอนบนและในตัวเมืองเชียงใหม่ สันทรายและแถวม.พายัพ อัตราดูดซับ 3.4 ราคาขาย 1.5-2.3 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าคอนโดฯที่ราคาไม่ถึง 3 ล้านบาทยังมีการตอบรับของตลาดอยู่แต่ก็ไม่มาก ส่วนหน่วยเหลือขาย 1,063 หน่วย หรือ 70-80% เป็นกลุ่มที่สร้างเสร็จและขายไม่ได้
บ้านจัดสรรที่สร้างเสร็จและขายไม่ได้ 249 หน่วย พบว่า 2 ใน 3 ของบ้านจัดสรรที่เหลือขายอยู่ แม้บ้านเดี่ยวจะขายดีก็ตาม ปี 66 ภาพรวมยอดขายในเชียงใหม่ลดลง สะท้อนให้เห็นถึงทิศทางอสังหาฯปีนี้มีการปรับตัวลดลงภายใต้ปัจจัยลบต่างๆ แต่ก็คาดว่าปีหน้าตลาดจะพลิกฟื้นตัวกลับมา โดยตลาดคอนโดมิเนียมอาจจะไม่ดีนัก ซึ่งคอนโดฯเปิดตัวใหม่ยังไม่มี ส่วนบ้านจัดสรรตลาดยังมีกำลังซื้อดีอยู่ แม้จะยอดขายไม่ดีนัก และคาดว่าปีหน้ายอดขายจะดีขึ้นแต่อาจจะไม่สูงมากนัก และยังไม่อยู่ในภาวะโอเวอร์ซัพพลาย.