สถานกงสุลใหญ่สหรัฐฯประจำเชียงใหม่จัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 247 ปีวันประกาศอิสรภาพ ยันความสัมพันธ์ไทยกับสหรัฐฯ มากว่า 2 ศตวรรษที่จริง รวมทั้งยังเป็นปีที่เฉลิมฉลองครบรอบ 190 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตสหรัฐฯ-ไทย ตั้งแต่ปีพ.ศ 2426 ที่มีการลงนามในสนธิสัญญาไมตรีและพาณิชย์ระหว่างกัน ทำให้ไทยเป็นหุ้นส่วนและพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2566ที่ผ่านมา สถานกงสุลใหญ่สหรัฐประจำเชียงใหม่ จัดงานเฉลิมฉลองครบรอบการประกาศอิสรภาพสหรัฐอเมริกา โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน เชียงราย แม่ฮ่องสอน พิษณุโลก และรองผู้ว่าราชการจังหวัด,ผู้บัญชาการตำรวจภาค 5 และภาค 6 และหัวหน้าส่วนราชการ,ราชตระกูลเจ้านายฝ่ายเหนือ,กงสุลใหญ่และกงสุลกิตติมศักดิ์และแขกรับเชิญจากหลากหลายสาขาอาชีพเข้าร่วมงานนี้ด้วย โดยมีนางเกว็น คาร์ดโน อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยร่วมในงานดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ก่อนจะเริ่มพิธีการได้มีการขับร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีก่อนที่จะมีพิธีการผู้อัญเชิญธงของหน่วยตรวจวิเคราะห์คลื่นความสั่นสะเทือนที่ 415 กองทัพอากาศสหรัฐฯ และหน่วยรบพิเศษกองทัพบกสหรัฐฯ
นางลิสา บูเจนนาส กงสุลใหญ่สหรัฐฯประจำเชียงใหม่ กล่าวว่า ก่อนอื่นขอปรบมือให้กับหน่วยตรวจวิเคราะห์คลื่นความสั่นสะเทือนที่ 415 กองทัพอากาศสหรัฐฯ และหน่วยรบพิเศษกองทัพบกสหรัฐฯ ขอขอบคุณทุกท่านและบรรดาทหารผ่านศึกทั้งหลายที่ได้ปกป้องเอกราชของเราที่เรากำลังเฉลิมฉลองในค่ำคืนนี้อย่างที่ท่านทั้งหลายได้ทราบกัน เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ.2319 บิดาผู้ก่อตั้งของเราได้ประกาศอิสรภาพจากประเทศเจ้าอาณานิคม โดยในคำประกาศอิสรภาพของเราได้ระบุถึงเสรีภาพขั้นพื้นฐานของชาวอเมริกันทุกคนดังนี้
“ข่าวการเลิกทาสนั้นไม่ได้ไปถึงพลเมืองทุกคนในสหรัฐฯ กว่ารัฐเท็กซัสจะทราบข่าว เมื่อตอนที่นายพลแห่งกองทัพฝ่ายสหภาพได้ประกาศข่าวดังกล่าว ณ เมืองกัลเวสตัน เวลาก็ล่วงเลยไปกว่าสองปีแล้ว วันจูนทีนท์เป็นเครื่องเตือนใจว่าไม่มีประชาธิปไตยใดที่สมบูรณ์แบบ แต่ขึ้นอยู่กับเราที่จะต้องมุ่งมั่นพัฒนาสังคมของเราให้ดียิ่งขึ้นต่อไป วันประกาศอิสรภาพเป็นวันเฉลิมฉลองหลักการขั้นพื้นฐานของเรา และค่านิยมที่มีร่วมกันเป็นสิ่งที่ธำรงมิตรภาพที่ดีและยิ่งใหญ่ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ มากว่า 2 ศตวรรษที่จริง ปีนี้เป็นปีที่พวกเราเฉลิมฉลองครบรอบ 190 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตสหรัฐฯ-ไทย ตั้งแต่ปีพ.ศ 2426 ที่มีการลงนามในสนธิสัญญาไมตรีและพาณิชย์ระหว่างกัน ทำให้ไทยเป็นหุ้นส่วนและพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก”
ประวัติศาสตร์ที่มีร่วมกันนี้ครอบคลุมถึงความร่วมมือด้านการศึกษา โดยมีการก่อตั้งโรงพยาบาลและวิทยาลัยพยาบาลแห่งแรก ๆ ทางภาคเหนือของไทย รวมถึงโรงพยาบาลแมคคอร์มิค อีกทั้งรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ช่วยก่อตั้งคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตลอดจนคณะนิติศาสตร์และหอสมุดกลางมหาวิทยาลัยพายัพอีกด้วย นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญจากกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้แนะนำพืชเกษตรใหม่ให้กับไทย เช่น เมล็ดกาแฟ ใบชา ลูกพีช และมันฝรั่ง ความร่วมมือทางด้านวิทยาศาสตร์ของเราได้สร้างวัคซีนใหม่ ๆ และป้องกันการแพร่ระบาดของโรคต่าง ๆ ตลอดจนบริษัทสหรัฐฯ อย่างเป๊ปซี่โคที่ได้มาร่วมงานในค่ำคืนนี้ก็ได้ว่าจ้างลูกจ้างชาวไทยนับพันตำแหน่ง พวกเรามุ่งแสวงหาความร่วมมือใหม่ ๆ เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ด้านการศึกษา นวัตกรรม และการประกอบธุรกิจ ปกป้องสิ่งแวดล้อมที่มีร่วมกันและปรับปรุงคุณภาพอากาศ รวมถึงขยายการค้าและการลงทุนทางภาคเหนือและพัฒนาให้เป็นภูมิภาคดิจิทัล เพื่อให้ประเทศของเราทั้งสองแข็งแกร่งและรุ่งเรืองยิ่งขึ้น
ทางด้านนางเกว็น คาร์ดโน อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ได้มาร่วมงานในวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การได้มาประจำการที่ประเทศไทยนั้นทำให้ฝันที่รอคอยมายาวนานได้กลายเป็นจริง เนื่องจากพ่อ แม่ของตนเคยเป็นนักการทูตอเมริกัน และประจำการในต่างประเทศเป็นครั้งแรกที่กรุงเทพฯ เมื่อ 55 ปีก่อน แม้ทั้งสองอยู่เมืองไทยเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ความทรงจำดี ๆ และความรู้สึกชื่นชมประเทศไทยและคนไทยนั้นคงอยู่ไปตลอดชีวิตของท่าน ตลอดเวลาที่เติบโตมา ตนได้ยินพ่อ แม่เล่าให้ฟังเกี่ยวกับประเทศที่งดงามแห่งนี้ ผู้คนที่ต้อนรับขับสู้อย่างอบอุ่น และอาหารที่แสนอร่อย เมื่อปีที่แล้ว ตนกับครอบครัวใช้เวลาท่องเที่ยวไปทั่วเมืองไทยเพื่อเก็บเกี่ยวความทรงจำดี ๆ หวังว่าจะได้มีโอกาสไปสำรวจที่ต่าง ๆ มากกว่านี้
ในวันที่ 4 กรกฎาคม ทั่วทั้งสหรัฐฯ และทุกมุมโลก พลเมืองสหรัฐฯ ต่างใช้เวลานี้เพื่อรำลึกถึงประวัติศาสตร์และความมุ่งมั่นพยายามในการพิทักษ์เสรีภาพที่เราเชิดชู และ ณ หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ เฉกเช่นสถานที่แห่งนี้ เราต่างรำลึกถึงพลังความเข้มแข็งที่ได้มาจากความสัมพันธ์อันดีระหว่างเรากับเพื่อนและพันธมิตร กว่า 200 ปีมาแล้ว ที่กัปตันสตีเฟน วิลเลียมส์ ได้เดินทางมาถึงท่าเรือของกรุงเทพฯ เพื่อก่อร่างสร้างมิตรภาพครั้งสำคัญระหว่างสหรัฐฯ กับไทยขึ้น ภายใน 20 ปีหลังจากนั้น ความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการระหว่างเราทั้งสองชาติได้ถือกำเนิดขึ้นภายใต้สนธิสัญญาไมตรีและพาณิชย์
นับตั้งแต่ความสัมพันธ์ทางการทูตได้เริ่มต้นขึ้น มิตรภาพระหว่างสหรัฐฯ กับไทยได้ดำเนินไปด้วยความเคารพที่มีต่อวัฒนธรรมของกันและกัน ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ความร่วมมือกันทางวัฒนธรรมที่มีมาอย่างยาวนานได้ขยายขอบเขตครอบคลุมเกือบจะทุกด้านที่จะจินตนาการได้ ปัจจุบันนี้ เรามีความร่วมมือในทุกมิติ ตั้งแต่สุขภาพและการศึกษา ไปจนถึงการป้องกันประเทศ การเกษตร การค้าและการบังคับใช้กฎหมาย
เฉพาะปีที่แล้วเพียงปีเดียว เราก็ได้บรรลุผลสำเร็จมากมายร่วมกัน นอกจากไทยจะเป็นเจ้าภาพที่ยอดเยี่ยมของการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคแล้ว ยังได้ให้การต้อนรับรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมลอยด์ ออสติน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแอนโทนี บลิงเคน ซึ่งเดินทางมาเยือนประเทศไทยถึงสองครั้ง เราได้ขยายความสัมพันธ์ทางธุรกิจ การแลกเปลี่ยนการศึกษา ความเป็นพันธมิตรทางทหาร ความก้าวหน้าทางการแพทย์ และความพยายามด้านมนุษยธรรม และเรายังเพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น แถลงการณ์ว่าด้วยความเป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา ซึ่งลงนามโดยรัฐมนตรีบลิงเคนและรองนายกรัฐมนตรีดอน ปรมัตถ์วินัย จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไปในศตวรรษที่ 21
ความสำเร็จเหล่านี้มิอาจเกิดขึ้นได้หากปราศจากการทำงานเป็นทีมอันแข็งแกร่งและความร่วมมืออย่างต่อเนื่องที่ดำรงอยู่เสมอมาระหว่างสหรัฐฯ กับไทย นอกเหนือจากความสำเร็จมากมายที่มีร่วมกันแล้ว ชาวไทยและชาวอเมริกันยังมีค่านิยมร่วมกันหลายประการ ซึ่งรวมถึงเสรีภาพ ประชาธิปไตย และความเสมอภาค การเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุดของไทยเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงค่านิยมเหล่านี้ และดิฉันขอแสดงความยินดีกับชาวไทยที่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวนมากและมุ่งมั่นที่จะแสดงเสียงเรียกร้องของตนให้เป็นที่ประจักษ์
เมื่อมองไปข้างหน้า ความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างสหรัฐฯ กับไทยจะเป็นรากฐานที่สำคัญของความพยายามร่วมกันในการรับมือกับความท้าทายระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและอาชญากรรมข้ามพรมแดน ด้วยประวัติศาสตร์และค่านิยมที่มีร่วมกัน พร้อมทั้งจุดเด่นที่แข็งแกร่งของเรา หากเราร่วมมือกัน ก็จะสามารถรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ได้อย่างเต็มกำลังความสามารถ เรารู้สึกขอบคุณในความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างกัน ทั้งทางด้านการศึกษา เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม และรอคอยที่จะได้กระชับความร่วมมือนี้ต่อไปในอีกหลายปีข้างหน้า แด่อนาคตที่สดใสและรุ่งโรจน์ของทั้งสองประเทศอันยิ่งใหญ่ของเรา
นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเปิดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 247 ปี วันชาติสหรัฐอเมริกาว่า ในปีนี้ถือว่าเป็นวาระที่สำคัญยิ่งของไทยและสหรัฐอเมริกาที่จะร่วมกันฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตครบรอบ 190 ปี ซึ่งถือว่ามีความมั่นคงและแน่นแฟ้น มาอย่างยาวนาน โดยความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกาส่งผลต่อการพัฒนาด้านต่าง ๆ ของไทยเป็นอย่างมาก เช่น ด้านสาธารณสุข การศึกษา การปฏิรูปด้านการบริหารกฎหมาย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และความมั่นคง ซึ่งผมเชื่อว่า หลายท่าน ณ ที่นี้ มีความเกี่ยวข้องหรือคุ้นเคยกับสหรัฐอเมริกาในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นในเชิงบุคคลหรือองค์กรก็ตาม
ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์โควิด-19 ได้สร้างผลกระทบมากมาย ต่อความมั่นคงด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อรับมือกับโรคระบาดครั้งใหญ่ที่ผ่านมานั้น เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าความเป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนระหว่างประเทศไทยกับ ประเทศต่าง ๆ มีความหมายและมีคุณค่ามากเพียงใด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สหรัฐอเมริกา ที่ได้ให้การสนับสนุนในด้านสาธารณสุขกับประเทศไทยมาโดยตลอด และในปี พ.ศ.2567 ที่จะถึงนี้ ก็จะถึงกำหนดครบรอบ 74 ปี ของสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา เชียงใหม่ ไปพร้อมกับการเริ่มต้นเปิดใช้งานสถานกงสุลใหญ่แห่งใหม่ ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่จะสร้างความร่วมมือระหว่างสหรัฐอเมริกากับภาคส่วนต่าง ๆ ของประเทศไทยในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดอื่น ๆ ในภาคเหนือที่จะทำงานร่วมกันเพื่อดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมต่อไป
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ยังกล่าวขอบคุณสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา เชียงใหม่ ที่ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการสร้างความร่วมมือและสนับสนุนการทำงานระหว่างสหรัฐอเมริกากับภาคส่วนต่าง ๆ ของประเทศไทยในจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดอื่น ๆ ในภาคเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสนับสนุนในหลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์หมอกควันและคุณภาพอากาศ ทั้งวัสดุอุปกรณ์ เทคโนโลยี และ องค์ความรู้ ซึ่งสถานการณ์หมอกควันและคุณภาพอากาศเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบมหาศาลต่อด้านสาธารณสุข สังคมและเศรษฐกิจของไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งได้ขยับจากวาระของภูมิภาค ขึ้นไปเป็นวาระแห่งชาติ และวาระการแก้ปัญหาระหว่างประเทศ ความร่วมมือกับสหรัฐอเมริกาผ่านการทำงานกับ สถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา ประจำจังหวัดเชียงใหม่นั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งและถือว่าเป็นความร่วมมือระดับภูมิภาคที่จะส่งผลดีในระดับประเทศต่อไป.