จนท.สบอ.16 สาขาแม่สะเรียงสนธิกำลังร่วมกับเขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าสาละวิน ส่วนป้องกันและสถานีควบคุมไฟป่าและหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 เข้าดับไฟป่าริมแม่น้ำสาละวินตามแนวเขตติดกับเมียนมา คาดใช้เวลาดับไฟ 5 วัน ยอมรับจนท.มีความเสี่ยงในการเดินทางเข้าพื้นที่และสภาพพื้นที่ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ขาดสัญญาณติดต่อที่เป็นอุปสรรคต่อการประสานงาน
นายพรเทพ เจริญสืบสกุล ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สาขาแม่สะเรียบ เปิดเผยว่า จากรายงานดาวเทียมตรวจพบจุดความร้อน Hot spot ในเขตริมน้ำเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสาละวิน ซึ่งนายอรรถพล เจริญชันษา รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ห่วงใยในปัญหาไฟป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทุกแห่ง จึงสั่งการให้ทุกหน่วยงานในพื้นที่เฝ้าระวังและเร่งเข้าดับไฟเพื่อไม่ให้ลุกลามในวงกว้างอย่างเร่งด่วนทุกจุดไฟป่าทุกแห่งจึงได้สั่งการเมื่อวันที่ 3 ก.พ.66 จึงได้ประชุมสนธิกำลังร่วมเพื่อดำเนินการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าพื้นที่ริมแม่น้ำสาละวินตามแนวเขตที่ติดกับประเทศพม่าโดยมีการสนับสนุนเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าจาก เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสาละวิน 25 นาย ส่วนป้องกัน 4 นาย,สถานีควบคุมไฟป่าแม่สะเรียง 1 ชุด,หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 จำนวน 7 นาย เรือยาว เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสาละวิน 2 ลำ เรือท้องแบนกรมทหารพรานที่ 36 แม่สะเรียง 1 ลำ
โดยต่อมาเมื่อเวลา 15.30 น.เริ่มออกปฏิบัติการโดยเดินทางทางรถยนต์ถึงจุดรวมพลหน่วยพิทักษ์สบแงะเป็นระยะทาง 54 กม.ถึงจุดนัดหมายช่วงเย็น นอนพักรวมพลเพื่อออกดำเนินการตามแผน เนื่องจากพื้นที่ไม่สามารถเดินทางต่อทางน้ำในเวลากลางคืนได้ และในเช้าวันที่ 4 กพ.2566 เวลา 07.00 น.ออกเดินทางทางเรือพร้อมเสบียง และสามารถเข้าถึงพื้นที่กลุ่มควันที่จุดสกัดนอปานาและหน่วยผาแดง 5 จุด จัดชุดลงดำเนินการดับไฟ (อยู่ระหว่างดำเนินการ) ชุดอื่นๆเดินทางทางเรือต่อ จัดชุดลงในพื้นที่เกิดไฟป่าและพื้นที่ที่ประเมินว่าเสี่ยง โดยได้จัดชุดลงพื้นที่ดำเนินการเป็นระยะ จนสุดเขตแดนติดต่อไทยพม่าที่ดอยผาตั้ง ระยะทางทางน้ำ ประมาณ 70 กม.เดินทางประมาณ 3 ชม. ชุดปฏิบัติการลงพื้นที่ดำเนินการดับไฟป่า(อยู่ระหว่างดำเนินการ)
เนื่องจากจุดเกิดไฟป่าเป็นพื้นที่ที่ติดชายแดน เจ้าหน้าที่มีความเสี่ยงในกรณีเดินทางเข้าพื้นที่มาก ระยะทางในการเข้าพื้นที่ห่างไกล สภาพภูเขาสูงชัน สภาพความเชี่ยวของแม่น้ำสาละวินแรงและเป็นพื้นที่ขาดสัญญาณการติดต่อ ซึ่งเป็นปัญหาอุปสรรคในการปฏิบัติงาน จึงจำเป็นต้องประสานงานกับหน่วยงานภายนอกในการปฏิบัติงาน สำหรับภาระกิจการปฏิบัติการในครั้งนี้ตั้งเป้าหมายที่จะดำเนินการโดยใช้เวลาประมาณ 5 วัน เมื่อสถานการณ์ปกติ จะมอบพื้นที่เฝ้าระวังให้กับหน่วยรับผิดชอบต่อไป