ท่าอากาศยานเชียงใหม่เตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัย รองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงวันหยุดยาว โดยคาดว่าจะมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 จากช่วงเวลาปกติ
นายวิจิตต์ แก้วไทรเทียม ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) กล่าวว่า ในระหว่างวันที่ 13-17 กรกฎาคม 2565 ซึ่งเป็นวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา รวมทั้งวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน คาดการณ์ว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงเดินทางกลับภูมิลำเนาเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาปกติ เพื่อให้การบริการเป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็วภายใต้มาตรการรักษาความปลอดภัย ทชม.จึงได้จัดเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ อาทิ ดูแลสิ่งอำนวยความสะดวกให้มีความพร้อมใช้งาน จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานตามจุดต่างๆ ให้เพียงพอ ดูแลการจราจรทั้งบริเวณหน้าชานชาลาอาคารผู้โดยสารและบริเวณภายในท่าอากาศยานให้คล่องตัว สนธิกำลังหน่วยงานภาครัฐ ทหาร ตำรวจ เพิ่มความถี่ในการตรวจตระเวนภายในอาคารผู้โดยสารภายและบริเวณโดยรอบท่าอากาศยาน รวมทั้งสุ่มตรวจรถยนต์ ที่เข้ามาในบริเวณท่าอากาศยาน เพื่อป้องกันการก่อเหตุอันตรายต่างๆ
ปัจจุบัน (ในเดือนกรกฎาคม 2565) ทชม.มีผู้โดยสารเฉลี่ยวันละประมาณ 14,000 คน เป็นผู้โดยสารภายในประเทศกว่า 13,400 คน ผู้โดยสารระหว่างประเทศกว่า 500 คน จำนวนเที่ยวบินเฉลี่ยวันละ 95-100 เที่ยวบิน เป็นเที่ยวบินภายใน ประเทศประมาณ 95 เที่ยวบิน และเที่ยวบินระหว่างประเทศวันละ 4 เที่ยวบิน ทั้งนี้คาดการณ์ว่าในช่วงวันหยุดจะมีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยวันละประมาณ 18,000 คน หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 30 โดยเป็นผู้โดยสารภายในประเทศกว่า 17,000 คน ผู้โดยสารระหว่างประเทศกว่า 700 คน ซึ่งเที่ยวบินระหว่างประเทศ ที่ทำการบินในปัจจุบันมี 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทาง สิงคโปร์-เชียงใหม่-สิงคโปร์ โดยสายการบินสกู๊ตไทเกอร์แอร์ เส้นทาง กัวลาลัมเปอร์-เชียงใหม่-กัวลาลัมเปอร์ โดยสายการบินแอร์เอเชีย และเส้นทาง อินชอน-เชียงใหม่-อินชอน โดยสายการบินเจจูแอร์
อย่างไรก็ตามเนื่องจากจำนวนผู้โดยสารและผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นจากช่วงปกติ ประกอบกับ ทชม.ต้องดำเนินการตรวจสัมภาระและบุคคลก่อนขึ้นเครื่องตามมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารและอากาศยาน ซึ่งอาจทำให้เกิดความล่าช้าหรือแถวคอยในระหว่างการให้บริการ จึงขอความร่วมมือผู้โดยสารเผื่อเวลาในการเดินทางมายังสนามบิน และเตรียมพร้อมในการรับบริการขั้นตอนต่างๆ โดยเฉพาะขั้นตอนการตรวจค้น ทั้งนี้หากมีสัมภาระถือติดตัวขึ้นเครื่องกรุณาตรวจสอบ ของเหลว เจล สเปรย์ หรือสิ่งของอื่นๆ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ กพท.กำหนด ในส่วนของอาหารพื้นเมือง ได้แก่ อาหารพื้นเมืองที่มีลักษณะเป็นอาหารเหลว และน้ำพริกต่างๆ หากต้องการนำติดตัวขึ้นไปบนห้องโดยสารอากาศยาน จะต้องอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่ปิดสนิทและมีปริมาตรไม่เกิน 100 มิลลิลิตร โดยต้องมีข้อความระบุปริมาตรของบรรจุภัณฑ์อย่างชัดเจน ส่วนอาหารพื้นเมืองอื่นๆ เช่น แคบหมู ไส้อั่ว สามารถนำขึ้นบนห้องโดยสารอากาศยานได้ แต่ต้องปิดบรรจุภัณฑ์ให้มิดชิด เพื่อไม่ให้ส่งกลิ่นรบกวนผู้โดยสารอื่น และขอให้ผู้โดยสารสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่ในอากาศยาน เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคติดเชื้อโควิด-19
//////////////////////