รัฐมนตรีทส.ควงปลัดบินไปดูไฟแม่ฮ่องสอน สั่งผู้ตรวจ+ทสจ.หารือผู้ว่าฯเมืองสามหมอกหาสาเหตุไฟไหม้ป่าทวีความรุนแรง ย้ำพื้นที่ไหนมีไฟกลางคืนให้ประเมินสถานการณ์ใหม่ เตือนอย่าประมาทแม้ลดจุดความร้อนได้ตามเป้า ติงยังอ่อนเรื่องการสร้างการรับรู้ให้สังคม ชี้บางพื้นที่ดับไฟได้แต่ปล่อยให้สื่อเอาภาพเก่ามาเสนอเลยถูกสังคมตำหนิ
วันที่ 19 มีนาคม 2565 ที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ปัญหาไฟป่าและหมอกควัน (ส่วนหน้า) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายวราวุธ ศิลปะอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามแก้ปัญหาไฟป่าหมอกควันพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ว่า ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจุดความร้อน หรือ Hot Spot ในปี 2563 ลดลง 80 % ปี 2564 ลดลง 70 % ทำให้สถานการณ์ดีขึ้นมาก และได้เน้นย้ำการใช้เครื่องมือ แอพพลิเคชั่น อุปกรณ์ภาคสนาม เพื่อป้องกันไฟป่าลุกลามเป็นบริเวณกว้าง พร้อมวางแผนการจำกัดเชื้อเพลิงไม่ให้เกิดการสะสมปริมาณมาก
รมว.ทรัพย์ฯ กล่าวอีกว่า ได้สั่งการกรมควบคุมมลพิษ ไปแยกแยะแหล่งกำเนิดมลพิษ หรือฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ให้ชัดเจนว่า จากสถานีตรวจวัดนั้นแหล่งกำเนิดส่วนใหญ่มาจากอะไรและพิษที่มีสลายเองและหนักหนาหรือไม่ เพื่อแจ้งเตือนประชาชนให้รับทราบถึงอันตราย รวมทั้งประสานการทำงานกับทหาร ตำรวจ ปกครอง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)บูรณาการอย่างใกล้ชิด และทำงานให้หนักขึ้น หากสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันกลับมาครั้ง เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบหรือความเดือดร้อนน้อยลง พร้อมของบประมาณติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศระดับอำเภอมากขึ้น โดย ทส.สนับสนุนงบประมาณ 70 % และ อปท.สมทบอีก 30 % หรือ 50 : 50 ตามนโยบายบริหารจัดการตนเองและกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เนื่องจากได้โอนภารกิจดับไฟป่าให้ อปท.ดำเนินการแล้ว
“ตอนนี้มาถึงช่วงที่เกิดปัญหามาก แต่อย่างไรก็ตามตั้งแต่ต้นปีมาจุดความร้อน ลดลง 85 % เนื่องจากมีฝนตก แต่ก็เป็นห่วงว่าประชาชนจะกลับมาเผาใหม่ จึงต้องวางมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด ส่วนเรื่องที่จะให้คาดโทษเจ้าหน้าที่ที่ปล่อยปละละเลยให้เกิดการเผาป่าในพื้นที่ป่าสงวน หรือป่าอนุรักษ์นั้น เป็นดาบสองคม เพราะอาจจะเป็นการจุดเผาไฟให้ลุกลามมากขึ้น เพราะเหม็นขี้หน้าได้ หากทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งย่อมมีผลตามมาเสมอ ดังนั้นทุกคนต้องรู้ทำหน้าที่ตนเองตามความรับผิดชอบให้ดีที่สุด”นายวราวุธ” กล่าว
ทางด้านนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ให้นโยบายหลังรัฐมนตรีทส.มอบนโยบายก่อนปิดการประชุมร่วมกับหน่วยงานในสังกัดผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเร้นว่า การปฏิบัติงานของหน่วยงานกระทรวงทรัพย์ฯต้องเข้าไปดูในพื้นที่รับผิดชอบทั้งก่อนเกิดไฟและหลังเกิดไฟป่า ขอให้ทุกจังหวัดไปดำเนินการตามข้อสั่งการและสร้างการรับรู้ให้ประชาชนและสังคมด้วย เพราะขณะนี้กำลังต่อสู้กับความรู้สึกของพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะพื้นที่เชียงใหม่ ลำปางและเชียงราย เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นปุ๊บต้องชี้แจงทันที ไม่ใช่ปล่อยให้เอารูปไฟที่ไหม้มา 3 วันแล้วให้สื่อเอาไปลงแล้วเจ้าหน้าที่จะตกเป็นจำเลยทันที
“ให้หารือฝ่ายปกครองเพื่อเข้าไปหมู่บ้านเสี่ยงก่อน ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดไฟแล้วไปไล่ดับเสียเวลา ควรเข้าไปคุยก่อนในช่วงนี้ไปถึงสิ้นเม.ย.และเมื่อคุยแล้วก็ยังเกิดปัญหาก็ขอให้ปรับแผนทันที ต้องทำงานเชิงจิตวิทยาด้วย ชุดปฏิบัติการขอให้เข้าพื้นที่ให้เร็ว ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้านี้ก็ต้องทำงานวางแผนให้ดี สำรวจเลยว่าพื้นที่ไหม้ซ้ำซากมีกี่พื้นที่ แหล่งน้ำมีไหน มีแค่ไหน ไม่มีจะหาจากไหนให้ประสานความร่วมมือกัหน่วยงานอื่น เพราะหลังหมดฤดูไฟป่าก็ต้องฟื้นฟูป่าอยู่ดี แหล่งน้ำจึงสำคัญหมด ในหมู่บ้านติดป่าควรจะทำการเพาะชำกล้าไม้ไว้ด้วย พอเข้าฝนก็จะได้เริ่มดำเนินการฟื้นฟูป่า ช่วงนี้จึงต้องเตรียมตัวโดยเฉพาะหน่วยต้นน้ำต่างๆ”ปลัดกระทรวงทรัพย์ กล่าวและว่า
กรมควบคุมมลพิษขอให้หาข้อมูลเรื่อง pm2.5 เพื่อชี้แจงสังคมให้ได้ ส่วนการเตรียมประชาชนในพื้นที่เสี่ยงสำนักปลัดฯจะรับไปดำเนินการในการจัดหาเครื่องมือตรวจวัดเพื่อเตือนประชาชนได้ทันท่วงที ส่วนจังหวัดแม่ฮ่องสอนซึ่งพบว่าไฟไหม้พื้นที่ป่าสูงมาก ขอให้ทสจ.แม่ฮ่องสอนไปคุยกับผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอนว่าทำไมสถานการณ์มันรุนแรงขึ้น ผู้ตรวจกระทรวงฯ ก็ต้องลงพื้นที่ด้วย เชียงใหม่ด้วยให้ไปดำเนินการเช่นเดียวกัน ปีนี้สถานการณ์ทำท่าจะดีขึ้นแต่ก็อย่าประมาท เพราะตอนนี้เรายังได้โชคช่วยที่มีฝนอยู่ ย้ำเลยพื้นที่ไหนมีไฟไหม้กลางคืนต้องประเมินสถานการณ์การทำงานด้วยฝากทุกคนที่รับผิดชอบไปดำเนินการตามข้อสั่งการนี้.
