สำนักชลประทานที่ 1 ตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำช่วงฤดูแล้ง พร้อมเปิด 6 จุดหน้าฝายและประตูระบายน้ำรับเรื่องร้องเรียน แจงจัด 25 รอบเวรส่งน้ำเน้นเพื่ออุปโภค บริโภคเป็นหลัก ยันแม้สถานการณ์ไม่หนักเท่าปี 58 แต่หน้าฝายไม่มีน้ำสำรองให้นำเครื่องสูบน้ำไปใช้เหมือนที่ผ่านมา
วันที่ 6 ม.ค. 62 ที่ห้อง S.W.O.C.1 สำนักงานชลประทานที่ 1 เชียงใหม่ นายสุดชาย พหรมมลมาศ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 1 เชียงใหม่ (ผส.ชป.1) เป็นประธานประชุมเจ้าหน้าที่ชลประทานในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูน เพื่อกำหนดมาตรการรับมือวิกฤติแล้ง 2562/63 และเตรียมการจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจแก้ไขและบรรเทาวิกฤติภัยแล้ง ปี 2562/63 พร้อมกับศูนย์รับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ 6 จุดตลอดลำน้ำปิงตอนบน
นายสุดชาย พหรมมลมาศ ผอ.สำนักงานชลประทานที่ 1 เชียงใหม่ กล่าวว่า เนื่องจากฤดูฝนที่ผ่านมา มีปริมาณฝนค่อนข้างน้อย ต่ำกว่าเกณฑ์อย่างมากเกือบต่ำที่สุดรองจาก ปี 2558 เท่านั้น ส่งผลให้ปริมาณน้ำกักเก็บในพื้นที่ลุ่มน้ำปิงตอนบนน้อยตามไปด้วย เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลซึ่งจะต้องบริหารจัดการน้ำให้ใช้ได้ตลอดตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤษภาคม 63 โดยเฉพาะน้ำสำหรับการอุปโภค-บริโภค ขณะนี้มีน้ำกักเก็บประมาณ150 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 57 ของความจุ โดยมีแผนการจัดสรรน้ำฤดูแล้งปี 2562/63 ส่งให้ใช้ในพื้นที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แฝก-แม่งัด 45 ล้าน ลบ.ม. ส่งให้ใช้ในพื้นที่สองฝั่งแม่น้ำปิงพื้นที่เชียงใหม่และลำพูน 70 ล้าน ลบ.ม. เป็นน้ำเพื่อการผลิตน้ำประปา 21 ล้าน ลบ.ม. น้ำสำหรับการเกษตร 48 ล้าน ลบ.ม. และน้ำเพื่อการท่องเที่ยวอีก 1 ล้าน ลบ.ม.
“จากสถานการณ์ปริมาณน้ำที่น้อยมากนี้ สำนักชลประทานที่ 1 ได้ประชาสัมพันธ์ให้แก่ผู้ใช้น้ำทั้งในพื้นที่เชียงใหม่และลำพูน ทราบถึงปริมาณน้ำที่มีอย่างจำกัด โดยการบริหารจัดการน้ำจะส่งน้ำให้การอุปโภค-บริโภคเป็นอันดับแรก จะไม่ให้ประชาชนทั้งเชียงใหม่และลำพูนขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ก็คือ น้ำประปา ถัดมาเป็นน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ในลุ่มน้ำปิงตอนบน โดยจะจ่ายน้ำให้พื้นที่เชียงใหม่และลำพูนทั้ง 2 ฝั่งแม่น้ำปิงได้ใช้น้ำเป็นรอบเวร รวมทั้งสิ้น 25 รอบเวร ซึ่งจะเริ่มรอบแรกในวันที่ 9 ม.ค. 63 นี้” ผอ.สำนักชลประทานที่ 1 กล่าวและชี้แจงอีกว่า
สำหรับการบริหารจัดการน้ำในปีนี้ ได้มีการกำหนดที่จะจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจแก้ไขและบรรเทาวิกฤติภัยแล้ง ปี 2562/63 และจัดตั้งจุดรับเรื่องร้องเรียนไว้ทั้งสิ้น 6 แห่งตลอดลำน้ำปิง โดยศูนย์ฯ นี้จะมีหน้าที่รับเรื่องร้องเกี่ยวกับปัญหาเรื่องน้ำจากผู้ใช้น้ำในพื้นที่รับผิดชอบ ซึ่งกำหนดเปิดศูนย์นี้ในวันที่ 8 ม.ค. 62 ที่ประตูระบายฝายวังปาน ศูนย์ทั้ง 6 แห่งนี้จะอยู่ตามฝายและประตูระบายน้ำต่างๆ ที่อยู่ตลอดแม่น้ำปิง ซึ่งจะมีจุดตรวจวัดระดับน้ำและจะรายงานให้ ชป.1 ทราบเป็นประจำทุกวัน
นายสุดชาย กล่าวต่อไปอีกว่า การบริหารจัดการน้ำจะใช้บทเรียนเมื่อปี 2558/59 ซึ่งสถานการณ์แย่กว่าปีนี้ จะแตกต่างตรงที่ในปีนี้มีปริมาณน้ำหน้าฝายหรือประตูระบายน้ำเป็นเหมือนแหล่งน้ำต้นทุนที่จะช่วยบรรเทาได้ในบางช่วง ซึ่งได้มีการน้ำเครื่องจักรและเครื่องสูบน้ำไปประจำไว้ในแต่ละฝายหรือประตูระบายน้ำเพื่อช่วยเหลือในพื้นที่นั้นๆ ได้ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ดีกว่าเมื่อปี 2559 ที่แต่ละฝายตลอดทั้งแม่น้ำปิงมีน้ำกับเก็บไว้ส่วนหนึ่งประมาณ 17 ล้าน ลบ.ม. น้ำส่วนนี้จะช่วยสำรองให้การประปาสูบไปใช้เพื่อการผลิตน้ำประปาได้ พอจะช่วยบรรเทาปัญหาได้บ้างในบางสถานการณ์ในพื้นที่ โดยวันที่ 10 ม.ค. 63 จะเริ่มปล่อยน้ำจากเขื่อนแม่งัดฯ ลงมาเติมให้ฝายต่างๆ ตลอดทั้งแม่น้ำปิงเป็นรอบเวร ซึ่งจะปล่อยน้ำให้เต็มทุกฝ่ายตลอดแม่น้ำปิงและจะเปิดใช้พร้อมกันในทุกกิจกรรมในทุกวันจันทร์
“การบริหารจัดการน้ำในแต่ละช่วงรอบเวรที่ปล่อยน้ำจากเขื่อนแม่งัดฯ จะมีการประชุมสรุปการใช้น้ำทุกกิจกรรมในทุกวันพุธ เพื่อประเมินสถานการณ์การใช้น้ำในแต่ละรอบเวร เพื่อประเมินว่าการบริหารจัดการมีความเหมาะสมมากน้อยเพียงใด หากในช่วงใดมีฝนตกลงในพื้นที่ก็จะมีการพิจารณาลดการปล่อยน้ำมาให้พื้นที่ เช่นกันหากว่าเกิดปัญหาก็จะมีการแก้ไขปรับเปลี่ยนการใช้น้ำในรอบเวรถัดไป ซึ่งก็หมายความว่าในการบริหารจัดการน้ำอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในทุกสัปดาห์จนกว่าจะสิ้นสุดฤดูแล้ง” ผอ.สำนักชลประทานที่ 1กล่าวในที่สุด.