นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด กรรมการบริหาร คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวถึงโอกาสในการเลือกตั้งของไทย ช่วงปี 2562 ว่า ตอนนี้คนไม่ค่อยเชื่อมั่น เพราะเคยมีการเปลี่ยนแปลงโรดแมปมาแล้ว และมีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้สถานการณ์ทางการเมืองค่อนข้างเหงาหงอย แต่ถ้าเป็นไปตามโรดแมปเลือกตั้งช่วงเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม นักการเมืองก็คงใช้วิธีทางการเมืองแบบเก่าๆ ยังมองไม่ค่อยเห็นคุณภาพของนักการเมืองว่าจะมีการกู้วิกฤติศรัทธา และวิกฤติประเทศได้อย่างไร
หลังการเลือกตั้งได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าได้คนเก่าประชาชนก็แทบไม่เหลือศรัทธาแล้ว แต่ถ้าได้นักการเมืองมาจากการเลือกตั้ง ก็อาจมีปัญหาเรื่องประสิทธิภาพของการอยู่ในอำนาจ คงอยู่ได้เพียงสั้นๆ 1-2 ปี แล้วยุบสภา ไม่ยาวครบสมัย การเลือกตั้งในครั้งนี้จึงเกิดขึ้นเพื่อให้มีเลือกตั้งครั้งต่อไป เสมือนการล้างสิ่งสกปรก ที่ล้างเพียงครั้งแรกยังไม่สะอาด ต้องล้างอีก 2-3 ครั้ง จึงจะดีขึ้น
แต่ก็มีผลดีระยะสั้นๆ ที่อาจตามมา ในเรื่องของเศรษฐกิจ แค่ประกาศเลือกตั้งหุ้นก็ดีดตัวพุ่งขึ้นแล้ว ประชาชนจึงอยากให้มีการเลือกตั้ง อย่างน้อยที่สุดนักการเมืองก็พูดคุยได้มากกว่าทหารที่เข้าไม่ค่อยถึง ส่วนจะฟังหรือไม่ฟังเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ส่วนพรรคเล็กพรรคน้อยที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่ก็น่าจะตั้งได้ หากปัญหาคือนักการเมืองไทยมักจะโดนดูดพรรคดูดพวก แค่ตำแหน่งเดียวก็ดูดได้ ไม้ประดับทางการเมืองพอเข้าไปแล้วก็ต้องรวมกับพรรคใหญ่ เพื่อให้สิ่งที่ตัวเองอยากได้มีพลังต่อรองมากขึ้น ซึ่งนั่นเท่ากับการลงทุน และนำไปสู่การผูกขาด คอรัปชั่น จนเกิดวิกฤติ เข้าสู่วงจรเดิมอีก ฉะนั้นแต่ละพรรคต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ตัวเองและพรรค ให้ประชาชนเห็นว่าพรรคมีคุณภาพ ประสิทธิภาพ ฉะนั้นแต่ละพรรคต้องปฏิรูปตัวเอง ใช้เวลาในการพิสูจน์ ให้ประชาชนเห็นว่าพรรคมีคุณภาพ มีประสิทธิภาพในการทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชน
แนวทางออก จึงควรปรับแก้กฎหมายพรรคการเมือง ให้ประชาชนได้เลือกคนที่เขาต้องการจริงๆ หรือใช้ระบบ Primary Vote เพื่อให้สามารถตรวจสอบคน ตรวจสอบพรรคที่เลือก รวมถึงตรวจสอบที่มาของเงินในพรรคได้ ลดการผูกขาดทางการเมือง แก้ปัญหาโกง คอรัปชั่น และวิกฤติต่างๆ ของประเทศ ถ้ามีกระบวนการนี้ ก็น่าจะเห็นโอกาสการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น.