ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษ ออกแถลงการณ์เชียงใหม่ ว่าด้วยการต่อต้านการค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมาย มุ่งเป้าลดการบริโภคในประเทศปลายทาง ตัดกระบวนการลักลอบค้า
เมื่อวันที่ 21 มี.ค.62 ที่โรงแรมฮอลิเดย์อินน์ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดการประชุมอาเซียนสมัยพิเศษ เรื่อง การป้องกันการลักลอบค้าสัตว์ป่าและพืชป่าผิดกฎหมาย ซึ่งมีคณะรัฐมนตรีอาเซียน ผู้แทนระดับสูงจากองค์กรระหว่างประเทศ และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากประเทศสมาชิกอาเซียน เข้าร่วมการประชุม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า สำหรับการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษนี้มีเป้าหมาย 2 เรื่องคือปัญหาสิ่งแวดล้อมซึ่งได้ประชุมเกี่ยวกับปัญหาขยะทะเลและได้รับการตอบรับจากอาเซียนและทั่วโลก และปีนี้ก็มาเน้นเรื่องของการป้องกันการลักลอบค้าสัตว์ป่าและพันธุ์พืชป่าผิดกฎหมาย ซึ่งไทยก็ติดเป็นประเทศที่น่าห่วงกังวลแม้สถานการณ์จะเริ่มดีขึ้นก็ตาม แต่สหรัฐอเมริกาได้จัดอันดับประเทศที่น่าสนใจและจับตามองในเรื่องนี้ โดยไทยก็ยังติด 1 ใน 30 ประเทศอยู่ แม้จะพยายามแก้ไขปัญหามาโดยลำดับแต่ทั้งนี้ประเทศอาเซียนก็ต้องมีส่วนด้วย โดยเฉพาะเรื่องการค้านิ่มหรือลิ่น ซึ่งที่ประชุมได้ข้อสรุปในการแก้ไขปัญหาร่วมกันว่าเราจะต้องลดปริมาณการบริโภคในอาเซียน ซึ่งก็วนเวียนอยู่ที่อินโดนีเซียและเวียดนาม
นอกจากนี้จะต้องมีการปรับปรุงสร้างเครือข่ายโดยใช้กฎหมาย และอีกประเด็นคือการต่อต้านการค้างาช้าง ซึ่งไทยมีร้านค้าที่ขายงาช้าง 100-200 แห่งทั่วประเทศ แต่ก็พบว่ามีการแอบซื้อขายทางออนไลน์และทางกรมอุทยานฯได้จัดตั้งชุดเหยี่ยวดงขึ้นมาเพื่อดูแลด้านนี้มีการจับกุมได้มากพอควร ทั้งนี้ในประเด็นต่างๆ ที่หารือและได้ข้อสรุปจากการประชุมครั้งนี้ในฝ่ายเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานก็จะไปประชุมกันต่อ
พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวอีกว่า จากการประชุมครั้งนี้จึงมีแถลงการณ์เรียกว่าแถลงการณ์เชียงใหม่ ว่าด้วยการต่อต้านการค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมาย ซึ่งรัฐมนตรีอาเซียน ผู้รับผิดชอบในการดำเนินการตามอนุสัญญาระหว่างประเทศ ว่าด้วยการค้าสัตว์ป่าและพันธุ์พืชใกล้สูญพันธุ์ (CITES) และการบังคับใช้สัตว์ป่า ส่งผลให้มีการรับรองคำแถลงของรัฐมนตรีอาเซียนเกี่ยวกับอนุสัญญาไซเตส และการค้าสัตว์ป่าพืชป่าอย่างผิดกฎหมาย โดยมีแถลงการณ์ร่วมที่แสดงให้เห็นว่าประเทศภาคีสมาชิกอาเซียน มีความมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความร่วมมือในการต่อสู้กับการค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมาย ตามนโยบายการค้าสัตว์ป่าโลก และในระดับภูมิภาค ต่อความพยายามที่จะลดอุปสงค์ความต้องการบริโภคสัตว์ป่า การบังคับใช้กฎหมาย และลดอาชญากรรมไซเบอร์ที่ข้องกับสัตว์ป่า
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นอนุภูมิภาคที่อุดมไปด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ อันเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน การขจัดความยากจนและการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างไรก็ตามการค้าสัตว์ป่าอย่างผิดกฎหมายยังคงเป็นปัญหาของอาเซียน และมีส่วนทำให้ประชากรสัตว์ป่าและพืชป่าลดลงอย่างมาก เนื่องจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความต้องการบริโภคสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมาย และชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่า ชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกราน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก มลภาวะและขยายเมือง ล่าสุดได้มีมติ จากสมาพันธ์สิ่งแวดล้อมนานาชาติ (UNEA1) สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติอาเซียน และการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (EAS) เกี่ยวกับการค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมาย ซึ่งได้ได้ยกระดับปัญหา ขึ้นสู่วาระสำคัญสูงสุดร่วมกันในระดับประเทศ
“การใช้สัตว์ป่าอย่างไม่ยั่งยืน และการค้าที่ผิดกฎหมายเป็นหนึ่งในความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอาเซียนเนื่องจากผลกระทบทางเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อมนั้นรุนแรงและเป็นวงกว้าง เราจะต้องเพิ่มความพยายามดำเนินการอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรมเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาการลักลอบค้าสัตว์ป่าในอาเซียน ในการบรรลุเป้าหมายนี้ ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างกว้างขวางกับหน่วยงานระหว่างประเทศระดับภูมิภาคระดับชาติ ระดับจังหวัด ไปถึงระดับท้องถิ่น ซึ่งจะมีความสำคัญเท่ากับการกระทำของภาคส่วนต่าง ๆ เช่นรัฐบาลองค์กรที่ไม่ใช่ภาครัฐภาคเอกชนสถาบันการศึกษาและภาคประชาสังคม” พลเอกสุรศักดิ์กาญจนรัตน์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมราชอาณาจักรไทยกล่าว
การประชุมครั้งนี้เป็นเวทีสำหรับทุกประเทศสมาชิกอาเซียน ในการแลกเปลี่ยนบทเรียนจากการแก้ไขปัญหาการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายในประเทศของตน และยังเปิดโอกาสให้กับพันธมิตรในระดับประเทศ เช่น CITES, UNODC, INTERPOL, IUCN และองค์กรพัฒนาเอกชนต่าง ๆ ได้ให้คำแนะนำที่สร้างสรรค์และความร่วมมือเพื่อสนับสนุนความร่วมมือของอาเซียน ในการแก้ไขปัญหาการลักลอบค้าสัตว์ป่า
“การต่อสู้กับการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมายไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่สามารถแก้ไขได้ในชั่วข้ามคืน อย่างไรก็ตามหากรัฐบาลและผู้กำหนดนโยบายระบุว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญเราสามารถบรรลุเป้าหมายที่เป็นรูปธรรมได้ ครั้งนี้มีความหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนพิเศษ ซึ่งประเทศสมาชิกรับรองแถลงการณ์ โดยให้คำมั่นสัญญาในการต่อสู้กับการค้าสัตว์ป่า ผิดกฎหมาย จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและความมั่นใจให้กับทุกคนที่เกี่ยวข้องในระดับปฏิบัติการ ระหว่างความพยายามในการอนุรักษ์และการใช้สัตว์ป่าอย่างยั่งยืนผ่านกฎระเบียบทางการค้าทางกฎหมายในภูมิภาคอาเซียนสนับสนุนแนวคิดของการเป็นภาคีร่วม ที่ก้าวหน้าเพื่อความยั่งยืนของประธานอาเซียนในปี 2562 พลเอกสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมราชอาณาจักรไทย กล่าว
ขณะนี้มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องรวบรวมผู้ที่เกี่ยวข้องในการปราบปรามการค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมาย ด้วยการรณรงค์ลดความต้องการบริโภคสัตว์ป่า การสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมาย และการปฏิรูปนโยบาย เพื่อป้องกันการสูญหายซึ่งชนิดพันธุ์ที่ลดลงไปอย่างรวดเร็วจากป่าธรรมชาติ ตลอดจน ทุ่งหญ้าและท้องทะเล การประชุมครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงขั้นตอนและทิศทาง ในการแสวงหาความร่วมมือระหว่างประเทศต้นทางทางผ่านและปลายทาง ด้วยการสนับสนุนจากพันธมิตรระหว่างประเทศ ผู้บริจาคและองค์กรพัฒนาเอกชนที่สนับสนุนภาคีอาเซียน.