เสือกำลังจะไป กระต่ายกำลังจะมา ถือได้ว่างานใหญ่ระดับนานาชาติของรัฐบาลในไตรมาสสุดท้าย ประชุมสุดยอดผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation) หรือ APEC 2022 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่าง 18-19 พ.ย.2565 ที่ผ่านมา จบลงด้วยความชื่นมื่นไม่เพียงด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน ในเวทีหารือระหว่างผู้นำและผู้แทนจาก 21 สมาชิกเขตเศรษฐกิจ ยังเป็นพื้นที่ของการหารือระดับทวิภาคีของไทยและประเทศต่างๆ ไปจนถึงการจัดประชุมฉุกเฉินในประเด็นระดับโลกด้วยหากไม่ได้มีเรื่องราวเฉพาะด้านที่สวยงาม เพราะมีหลายกลุ่มที่เคลื่อนไหวคัดค้าน ตั้งเวทีคู่ขนาน เป็นกลุ่มราษฎรหยุดเอเปค 2022 บริเวณลานคนเมือง กระทั่งวันที่ 18 พ.ย. 2565 ขณะพยายามเคลื่อนขบวนไปยังที่ประชุมเอเปค เพื่อติดตามผลจาก 3 ข้อเรียกร้องที่ได้ยื่นไปก่อนหน้านั้น ได้แก่ 1. ต้องยกเลิกนโยบาย BCG รวมถึงระเบียบกฎหมายใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายนี้ที่พยายามนำเสนอให้ที่ประชุมเอเปค 2. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่มีความชอบธรรมที่จะลงนามข้อตกลงลงร่วมกับผู้นำกลุ่มเอเปค และต้องยุติบทบาทในการเป็นประธานการประชุมเอเปคโดยทันที และ 3. ประยุทธ์ ต้องยุบสภาและเปิดทางให้มีการเลือกตั้งพร้อมกับจัดให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยประชาชนเพื่อสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงระหว่างการเคลื่อนไหว ได้เกิดการสลายการชุมนุม ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ฝ่าย ผู้คัดค้านรายหนึ่งอาการสาหัส ถึงขั้นสูญเสียดวงตา และมีผู้ถูกจับกุมในที่เกิดเหตุ 25 ราย หลังการประชุมเอเปคเสร็จสิ้น กลุ่มราษฎรหยุดเอเปค 2022 จึงเดินสายยื่นหนังสือต่อสถานฑูต และสถานกงสุล รวมถึงองค์กรที่เกี่ยวข้อง ทั้งในกรุงเทพฯ และภูมิภาคต่างๆ เพื่อเรียกร้องให้นานาประเทศร่วมกันกดดันรัฐบาลไทย ให้ทำตามข้อเรียกร้องของกลุ่ม และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรับผิดชอบการใช้ความรุนแรงเมื่อ 18 พ.ย. 2565แม้วันนี้จะยังไม่มีคำตอบ สถานการณ์ทั่วไปเสมือนคลื่นลมที่เงียบสงบ แต่ในความเป็นจริงการเคลื่อนไหวของกลุ่มราษฎรหยุดเอเปค 2022 ที่ระบุว่าเป็นการรวมตัวกันของ 75 องค์กร ที่มาจากทุกภาคส่วนในสังคม ได้สร้างแรงกระเพื่อม ทำให้เห็นถึงความคิดต่าง และความไม่พอใจที่กลุ่มเคลื่อนไหวมีต่อรัฐบาลไทย.