ส่งทหารลงพื้นที่ร่วมบูรณาการชุดปฏิบัติการหมู่บ้านในพื้นที่เกิดไฟไหม้ซ้ำซาก 10 อำเภอ ศูนย์บัญชาการฯจังหวัดย้ำขอความร่วมมือพวกหาของป่า ล่าสัตว์ หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นอย่าอ้างวิถีชีวิต ให้อธิบดีอุทยานฯ+ป่าไม้ประกาศปิดป่าห้ามเข้าเด็ดขาด ขณะที่การใช้เฮลิคอปเตอร์ดับไฟติดปัญหาเรื่องเบิกค่าน้ำมัน ส่วนกลางจี้ให้พื้นที่ประกาศเป็นภัยพิบัติก่อนถึงจะอนุมัติเงินให้ ส่วนการใช้อากาศยานไร้คนขับตรวจพิกัดไฟไหม้ถึงวงรอบกลับไปซ่อมบำรุงซ้ำเติมสถานการณ์ช่วงนี้
วันที่ 19 ก.พ.63 ที่ศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นpm2.5 จังหวัดเชียงใหม่ นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผวจ.เชียงใหม่เป็นประธานประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นควันที่ปกคลุมทั่วจังหวัดเชียงใหม่ในช่วง 4 วันนี้ โดยรองผวจ.เชียงใหม่ได้เน้นย้ำถึงการปฏิบัติงานของจนท.ประจำศูนย์ฯโดยเฉพาะช่วงรอยต่อเปลี่ยนเวร เนื่องจากเช้าวันนี้นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผวจ.เชียงใหม่ แวะมาที่ศูนย์ฯแล้วไม่เจอเจ้าหน้าที่แม้แต่คนเดียว
จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาถึงพื้นที่ที่เกิดจุดความร้อนหรือ Hot Spot ซ้ำซากซึ่งมีถึง 10 อำเภอประกอบด้วย อำเภอฮอด จอมทอง แม่แจ่ม แม่วาง แม่แตง เชียงดาว ดอยเต่า อมก๋อย ดอยหล่อและไชยปราการ ซึ่งนายคมสันได้ให้เจ้าหน้าที่ประสานไปทั้ง 10 อำเภออีกครั้งว่าการดำเนินการแก้ไขปัญหาต้องการการสนับสนุนจากจังหวัดหรือไม่ เพราะปัจจุบันการบริหารจัดการใช้ระบบ Single Command โดยระดับจังหวัดมีผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เป็นผู้สั่งการและระดับพื้นที่มีนายอำเภอเป็นผู้บริหารสั่งการ
“ตอนที่ศูนย์ฯแจ้งจุดที่เกิดจุดความรอ้นหรือเกิดไฟ และมีรายงานเข้ามา ทางศูนย์ฯจังหวัดก็สอบถามตลอดว่าต้องการการสนับสนุนหรือไม่ ทางอำเภอก็ไม่ตอบ ไม่ร้องขอ แต่ก็เกิดปัญหาจุดความร้อนและไฟไหม้ซ้ำซาก ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่ากำลังภาคพื้นดินเหนื่อยล้าหรือไม่ หากพื้นที่ที่เข้าไปดับไฟอยู่บนเขาสูงชัน ลึกเข้าไปในป่าและมีไฟไหม้ลุกลามก็ขอให้ศูนย์อำเภอประสานศูนย์จังหวัดจะได้สนับสนุนเฮลิคอปเตอร์”รองผวจ.เชียงใหม่ กล่าวและว่า
ในบางพื้นที่ที่เกิดไฟซ้ำซาก อย่างเช่นที่ อ.ฮอดได้ประสานขอหน่วยทหารพรานเข้าไปร่วมบูรณาการกับป่าไม้ และฝ่ายปกครอง ท้องที่ ต่อมาพื้นที่ที่เคยเกิดไฟไหม้ก็หยุดไป ตอนนี้ก็คงต้องประสานศูนย์อำเภอทั้ง 10 อำเภอ 51 ตำบลว่ามีชุดปฏิบัติการประจำตำบลหรือหมู่บ้านครบมั้ย ทางศูนย์ฯประสานทางมณฑลทหารบกที่ 33 ซึ่งจะให้กำลังพลเข้าไปบูรณการร่วม โดยจะส่งทหารเข้าไปยัง 10 อำเภอนี้จำนวน 10 ชุดเพื่อลงพื้นที่ทั้ง 51 ตำบลที่เกิดไฟไหม้ซ้ำซาก
รองผวจ.เชียงใหม่ กล่าวอีกว่า ทางผวจ.เชียงใหม่ได้ลงนามในหนังสือสั่งการไปแล้วเรื่องขอความร่วมมือพวกที่มีอาชีพหาของป่า ล่าสัตว์ว่าในช่วงนี้ขอห้ามเข้าพื้นที่ เพราะพบว่าสาเหตุหลักของการเกิดไฟไหม้ในพื้นที่ป่าเขาสูงชันและลึก มาจากการเข้าไปหาของป่า ล่าสัตว์และจุดไฟ ซึ่งหากในช่วงสัปดาห์นี้สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น จะต้องทำหนังสือถึงอธิบดีกรมอุทยาน สัตว์ป่าและพันธุ์พืชและอธิบดีกรมป่าไม้ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าอุทยาน เพื่อให้ออกคำสั่งประกาศปิดป่า แต่ตอนนี้ทางจังหวัดไม่อยากตัดแขน ตัดขาเพราะเข้าใจถึงวิถีชีวิตของประชาชนและชาวบ้านที่ต้องหาของป่ามาเลี้ยงชีพ ช่วงนี้ผักหวานและไข่มดแดงกำลังออกด้วย แต่หากยังไม่ไฟเกิดขึ้นก็คงต้องใช้มาตรการเด็ดขาด แต่ตอนนี้ให้แจ้งทุกพื้นที่ประชาสัมพันธ์ เน้นย้ำกับประชาชนโดยเฉพาะที่มีบัญชีรายชื่อผู้ที่มีอาชีพหาของป่า ล่าสัตว์ให้ได้รู้ก่อนว่าจังหวัดขอความร่วมมือ แต่หากยังเกิดไฟลุกลามอีกก็จะใช้มาตรการเด็ดขาด
ทางด้านนายธนา นวลปลอด หัวหน้ากลุ่มบริหารยุทธศาสตร์ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ รักษาการหน.สนง.ปภ.เชียงใหม่ กล่าวว่า การที่จะใช้อากาศยานขึ้นไปดับไฟแม้ว่าขณะนี้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะมีอากาศยานสนับสนุน รวมทั้งของกองทัพอากาศ แต่จะต้องคำนึงถึงองค์ประกอบด้วยว่ามีแหล่งน้ำ และต้องมาร์คจุดให้ฮ.ทิ้งน้ำด้วย ซึ่งทางศูนย์ควบคุมสถานการณ์ฯกองทัพภาคที่ 3 ก็พร้อมที่จะสนับสนุนหากมีความจำเป็นจริงๆ
“จุดที่จะขอฮ.ไปทิ้งน้ำนั้น จะต้องเป็นจุดที่เกิดไฟไหม้บริเวณค่อนข้างกว้างและลุกลาม อยู่บนพื้นที่เขาสูงชัน เดินเท้าเข้าลำบาก ไม่ใช่อยู่ใกล้พื้นราบเดินเท้าเข้าไปได้ เพราะหากนักบิน บินขึ้นไปแล้วจะมองเห็นภาพลงมาชัดหากเป็นพื้นที่เล็กๆ หรือใกล้ชุมชนและภาคพื้นดินสามารถเดินเข้าไปได้ก็ไม่ควรที่จะร้องขอ ฮ.เพราะตอนนี้การใช้ ฮ.ก็มีปัญหาเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งทางส่วนกลางเพิ่งจะมีการประชุมผ่านระบบทางไกลมาวันนี้ว่า หากจะเบิกค่าน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับอากาศยานจะต้องให้จังหวัดนั้นๆ ประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติไฟป่าก่อน ทางส่วนกลางถึงจะอนุมัติงบสำรองราชการมาจ่ายเป็นค่าน้ำมันให้ได้ ซึ่งจุดนี้เป็นปัญหาสำหรับเรา เพราะไฟไหม้ป่าที่ภาคเหนือจะไม่เหมือนภาคใต้พอดับแล้วก็ไม่ได้ลุกลามขยายวงกว้าง ซึ่งจะเป็นปัญหาว่าพอร้องขออากาศยานไปดับไฟ กว่าหนังสือจะออกและอนุมัติไฟก็ดับแล้ว”หัวหน้ากลุ่มบริหารยุทธศาสตร์ สนง.ปภ.เชียงใหม่ กล่าวชี้แจง
ทางด้านพ.อ.กฤติ พันธะสา เลขานุการกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ตามที่กองทัพอากาศ นำเครื่องบิน UAV ซึ่งเป็นอากาศยานไร้คนขับ ขึ้นบินตรวจกลุ่มความร้อน รอยต่อจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูนและจังหวัดลำปาง เพื่อหาจุดความร้อน ในพื้นที่ สำหรับถ่ายทอดสัญญาณภาพแบบ real time ส่งภาพมาที่กองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้านั้น เนื่องจากขณะนี้ครบวงรอบที่จะต้องเข้าตรวจซ่อมบำรุง ขณะที่ระบบของ Gisda มีปัญหา ก็จะนำเครื่องบินของทบ.ขึ้นบินสำรวจดูจุดเกิดไฟในพื้นที่ไปก่อน โดยพรุ่งนี้(20 ก.พ.)จะบินดูพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่เป็นหลัก.