เทศบาลนครเชียงใหม่เปิดให้บริการรถเมล์สาย B3 ต้นทางสถานีขนส่งอาเขต-ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ค่าโดยสาร 15 บาทตลอดสาย นักเรียน นักศึกษา ภิกษุสามเณร 10 บาท นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่หวังช่วยลดการใช้รถส่วนตัว ลดความแออัดด้านการจราจรและค่าใช้จ่าย เผย 2 ปีมีคนใช้บริการกว่า 1.34 แสนคน
นับตั้งแต่เทศบาลนครเชียงใหม่ได้จัดทำระบบขนส่งมวลชนสาธารณะและเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2559 โดยการนำรถเมล์หรือรถโดยสารประจำทางปรับอากาศขนาด 23 ที่นั่งมาให้บริการใน 2 สายหรือ 2 เส้นทางคือ สาย B1 จากสถานีขนส่งอาเขต-สวนสัตว์เชียงใหม่ แล้วย้อนกลับมาที่สถานีขนส่งอาเขตอีกครั้ง และสาย B2จากสถานีขนส่งอาเขต-ผ่านประตูท่าแพ-ไปจนถึงปลายทางสนามบินเชียงใหม่แล้วย้อนกลับมาที่สถานีขนส่งอาเขต โดยคิดค่าโดยสาร 15 บาท แต่นักเรียน นักศึกษาในเครื่องแบบรวมทั้งพระสงฆ์เก็บค่าบริการเพียง 10 บาทเท่านั้น ถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 2 ปีมีประชาชนที่หันมาใช้บริการรถเมล็จากตัวเลขที่เทศบาลนครเชียงใหม่จัดเก็บไว้คือ 134,011 คน โดยคาดว่าสามารถลดจำนวนรถยนต์บนท้องถนนในเขตเทศบาลฯได้อย่างน้อย 44,670 คัน
ปัจจุบันจังหวัดเชียงใหม่กำลังประสบปัญหาด้านการจราจรอย่างมาก โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน นายกฤษณ์ ธนาวนิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า เชียงใหม่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด ปริมาณรถยนต์ก็เพิ่มมากขึ้น ยอดการจดทะเบียนขณะนี้กว่า 2 ล้านคัน ขณะเดียวกันประชากรของจังหวัดเชียงใหม่ก็เพิ่มขึ้นมีประมาณ 1.8 ล้านคน โดยในจำนวนนี้อาศัยอยู่ในเขตอ.เมืองและรอบๆที่มีเขตติดต่ออ.เมืองรวมกว่า 9 แสนคน ทั้งจำนวนรถและคนเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีคนที่มาเยี่ยมเยือนอีก จำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเชียงใหม่ปีละกว่า 8 ล้านคน จึงยิ่งทำให้การจราจรติดขัดมากขึ้น
รองผวจ.เชียงใหม่ บอกว่า ในเรื่องของขนส่งมวลชนขณะนี้กำลังมีการศึกษาระยะสุดท้าย ซึ่งสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรหรือสนข.ได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ศึกษาระบบขนส่งสาธารณะของเมืองเชียงใหม่ในระบบราง ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการจัดทำฉบับสมบูรณ์ แต่การที่จะรอให้มีรถไฟฟ้าคงไม่ใช่เรื่องที่จะเร่งกันได้ง่าย การที่เทศบาลนครเชียงใหม่นำรถเมล์มาวิ่งให้บริการเป็นบริการขนส่งสาธารณะ จึงเป็นสิ่งที่ดีเพิ่มทางเลือกหนึ่งในการแก้ไขปัญหาจราจร รวมทั้งรองรับความต้องการของผู้ที่จะใช้บริการที่มีมากขึ้นด้วย โดยเฉพาะการเพิ่มจำนวนเส้นทางเพื่อให้มีการเชื่อมการเดินทางได้ครอบคลุมพื้นที่ ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวและค่าบริการก็ถือว่าเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน
ด้านนายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ กล่าวว่า การจัดบริการขนส่งสาธารณะเป็นอีกนโยบายหนึ่งที่ได้แถลงไว้ ซึ่งความสำเร็จที่เกิดขึ้นได้ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายๆ ฝ่าย เส้นทางเดินรถทั้งสาย B1-3 นี้เทศบาลนครเชียงใหม่ขอเปิดเส้นทางเดินรถใหม่กับทางสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ โดยในแต่ละสายจะมีรถเมล์วิ่งอยู่ 6 คัน รถจะออกทุก 40 นาทีจากจุดต้นทางที่สถานีขนส่งอาเขต 3
สำหรับเส้นทาง B3 ถือเป็นเส้นทางใหม่วิ่งจากสถานีขนส่งอาเขต 3 ผ่านสี่แยกศาลเด็ก มาทางถนนซุปเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง เลี้ยวซ้ายเข้าถนนอาฎาธรผ่านตลาดคำเที่ยง เลี้ยวขวาเข้าถนนรัตนโกสินทร์ผ่านสนามกีฬาเทศบาลนครเชียงใหม่เข้าสู่ถนนโชตนาช้างเผือก ผ่านม.ราชภัฏเชียงใหม่ตรงไปยังสี่แยกข่วงสิงห์แล้วเลี้ยวซ้ายตรงสำนักงานปิโตรเลียมภาคเหนือ ผ่านกองกำลังผาเมือง สถานีตำรวจช้างเผือก ไปยังศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ 7 รอบพระชนมพรรษาแล้วออกมาทางถนนเลียบคลองชลประทาน ผ่านหมู่บ้านข้ารากชาร 700 ปี สนามกีฬาฯ 700 ปี ถึงโรงเรียนนวมินทราชูทิศกลับรถเข้าศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่ และออกมาผ่านโรงแรมกรีนเลค เลี้ยวซ้ายเข้าถนนหนองฮ่อออกสี่แยกข่วงสิงห์เลี้ยวซ้ายผ่านโรงพยาบาลลานนา เซ็นทรัลเฟสติวัลเชียงใหม่และเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนแก้วนวรัฐแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสถานีขนส่งอาเขต 3 ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง
นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ กล่าวอีกว่า ยอมรับว่าในขณะนี้เส้นทางยังไม่ครอบคลุม แต่ด้วยข้อจำกัดเรื่องงบประมาณและอื่นๆ ซึ่งปัจจุบันนี้เทศบาลฯมีรถเมล์รวม 18 คันมีพนักงาน 38 คน ใช้เงินในการบริหารในช่วง 2 ปีกว่าทั้งสองเส้นทางกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งก็พยายามหางบประมาณมาจัดซื้อรถใหม่ซึ่งรถคันหนึ่งใช้เงินล้านกว่าบาท แต่ยังต้องเพิ่มเรื่องของ GPS กล้องหน้ารถและในรถเพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้กับผู้โดยสารให้มากที่สุด
“ผมยังมีความตั้งใจที่อยากทำให้โครงการปั่นจักรยานแอ่วเมืองเก่าควบคู่ไปกับระบบขนส่งมวลชนใช้ได้จริง และอนาคตหากโครงการสร้างโรงไฟฟ้าจากพลังงานขยะเกิดขึ้นได้ ก็จะทำให้เทศบาลฯมีงบประมาณที่นำไปจ้างขนและกำจัดขยะประมาณ 50 ล้านบาทต่อปีมาจัดทำระบบขนส่งสาธารณะให้มันครอบคลุมได้มากยิ่งขึ้น”นายทัศนัย กล่าวและว่า
ในขณะนี้เรามีแอพพลิเคชั่นที่ให้ประชาชนสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ Android และ IOS คือ Application CMTRANSIT ที่ทำให้ประชาชนสามารถตรวจสอบเส้นทาง การเดินรถและเช็คเวลาที่รถจะถึงป้ายได้ เนื่องจากรถเมล์มีการติดระบบ GPS ทุกคันทำให้ผู้ใช้บริการสามารถตรวจสอบจุดที่รถเมล์นั้นสัญจรอยู่และสามารถเช็คระยะเวลาการเดินทางของรถเมล์แต่ละคันได้ด้วย โดยรถเมล์สาย B3 จะติดกล้องวงจรปิดไว้บนรถ เชื่อมต่อที่ศูนย์ฯ เพื่อเพิ่มความอุ่นใจให้กับผู้ใช้บริการอีกด้วย.