เชียงใหม่ / “ประชาภิวัฒน์” ชูปลูกกัญชาล้านไร่-ออกกรีนการ์ด-ตั้งมหาวิทยาลัยชายขอบ ขณะที่หลายพรรคการเมือง เสนอนโยบายต่อชนเผ่าพื้นเมือง หนุนตั้งสภาชนเผ่าฯ ผลักดันการออกสัญชาติ สร้างความเท่าเทียม เป็นธรรมในการจัดการที่ดิน-การศึกษา-สุขภาพ พร้อมยกระดับอัตลักษณ์ ให้เป็นชนเผ่าท้องถิ่นที่ปกครองตามรูปแบบพิเศษ นายชำนาญ จันทร์เรือง รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวในเวที “ชนเผ่าพื้นเมืองในมุมมองพรรคการเมือง” ที่เวทีกลางแจ้ง สำนักงานสภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย สมาคมศูนย์รวมการศึกษาและวัฒนธรรมของชาวไทยภูเขาในประเทศไทย (IMPECT) ต.สันทรายน้อย อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เมื่อเวลา 15.00-17.30 น. ว่า ทางพรรคให้ความสำคัญเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นนโยบายหลัก ถือเป็นข้อบังคับของพรรคที่ยื่นต่อ กกต.ด้วย จึงต้องทำตามนโยบายนี้อย่างแน่นอน มิฉะนั้นก็ถือว่ามีความผิด
นอกจากนี้ทางพรรค ยังยึดมั่นในปฏิญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยสิทธิของบุคคลที่เป็นชนกลุ่มน้อยทางสัญชาติ ชาติพันธุ์ ศาสนา และภาษา 1992 ซึ่งยืนยันว่าบุคคลที่เป็นสมาชิกภาพของชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา ภาษา และวัฒนธรรมของชนกลุ่มน้อย มีสิทธิอันชอบธรรมในการดำรงสภาพและวัฒนธรรมของพวกเขา ดำเนินการและปฏิบัติกิจทางศาสนา หรือความเชื่อ สามารถใช้ภาษาจำเพาะทั้งในสถานที่ส่วนตัว และสาธารณะอย่างมีอิสระ โดยไม่ถูกแทรกแซง หรือบิดเบือนจากผู้อื่นหรือกลุ่มอื่นๆ หากการกระทำไม่ไปลิดรอนสิทธิผู้อื่น หรือขัดแย้งกับเงื่อนไขภายใต้รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายหลักอื่นๆ อุดมการณ์หลักของพรรคอนาคตใหม่ ที่เคารพความแตกต่าง หลากหลาย ความเสมอภาค และการไม่เลือกปฏิบัติ จึงให้ความสำคัญกับกลุ่มชาติพันธุ์ มีคณะกรรมการเครือข่ายกลุ่มชาติพันธุ์ ที่มาจากการเลือกของสมาชิกพรรคที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ มีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินกิจกรรมสร้างเครือข่ายกับกลุ่มชาติพันธุ์ รับฟังปัญหาของกลุ่ม นำเสนอนโยบายและข้อเสนอต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มชาติพันธุ์ ตลอดจนร่วมพิจารณาเสนอชื่อบุคคลไปดำรงตำแหน่งต่างๆ ในสัดส่วนของกลุ่มชาติพันธุ์ โดยพรรคได้ส่งผู้สมัคร ส.ส.ที่เป็นตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งแบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อในส่วนของผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ มีตัวแทนของกลุ่มชาติพันธุ์คนหนึ่งอยู่ในลำดับที่ 21-25 ซึ่งถือเป็นเขตปลอดภัย ต้องได้เข้าไปเป็นตัวแทนของกลุ่มในสภาแน่นอน เป็นปากเสียงของพลเมืองชาติพันธุ์ เสนอและออกกฎหมาย สร้างความเป็นธรรมและเท่าเทียมให้กับกลุ่มพลเมืองชาติพันธุ์ ดังนั้นงานที่พรรคต้องทำคือการเสนอให้ออกกฎหมายจัดตั้งสภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เสริมสร้างกระบวนการแสดงออกอย่างมีส่วนร่วมโดยตรง ซึ่งอัตลักษณ์ของเชื้อชาติ ศาสนา ภาษา ผิวสี และวัฒนธรรม ในฐานะพลเมืองของรัฐและสังคมพหุนิยมอย่างทั่วด้าน รวมถึงกำหนดแนวทางร่วมทางนโยบายที่ดินทำกินเพื่อการเกษตร และสิทธิประโยชน์ร่วมจากทรัพยากร ได้ผืนดินที่เหมาะสมและยืดหยุ่น มีการเสนอแนะและติดตามเรื่องสิทธิของความเป็นพลเมือง สวัสดิการให้กับพลเมืองชาติพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสัญชาติ ที่ดินทำกินน.ส.พรสุดา กุลนาดา ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชานิยม เขต 3 จ.กำแพงเพชร กล่าวว่า ตนอยู่ภายใต้หมวกของสภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทยด้วย ดังนั้นในการทำงานก็ต้องเอื้อถึงพี่น้องชนเผ่าอยู่แล้ว และนโยบายของพรรค คือประชาชนต้องมาก่อน ในด้านการรักษาพยาบาล จะนำเงินภาษีประชาชนมาสร้างเตียงเพิ่มในโรงพยาบาลเพิ่มอีก 1 แสนเตียง หยุดซื้อรถถัง หันมาซื้อรถไถให้เกษตรกรใช้ฟรี เพื่อลดต้นทุนการผลิต แก้ปัญหาหนี้สินครูนายไฉน ก้อนทอง รองหัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท บอกว่าพรรคเกิดขึ้นภายใต้ความกดดันในการทำงานของคนในท้องถิ่น เพราะการกระจายอำนาจของไทย กระจายแค่ตัวหนังสือ ในทางปฏิบัติยังไม่ใช่ เมื่อพรรคพลังท้องถิ่นไทเกิดขึ้น จึงมีกลุ่มชาติพันธุ์เข้ามาอยู่ในระดับกรรมการบริหารพรรคถึง 3 คน จากทั้งหมด 29 คน และส่งชนเผ่าลงผู้สมัคร ส.ส.ทั้งแบบบัญชีรายชื่อ และแบ่งเขต เพื่อเป็นตัวแทนของพี่น้องชนเผ่า หากสิ่งสำคัญที่พรรคคำนึงถึง คือทำอย่างไรจึงจะก้าวข้ามความขัดแย้ง เพื่อให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้าได้
สำหรับนโยบายของพรรคนั้น ทางรองเลขาธิการพรรค ซึ่งเดินทางมาด้วยได้ลุกขึ้นให้ข้อมูลว่าไม่ได้มาจากข้างบน แต่ตัวแทนพรรคที่มาจากกลุ่มชาติพันธุ์ร่วมกันเขียนและนำเสนอขึ้นไป เน้น 4 ข้อหลัก คือ1.คืนผืนป่า ที่ดินและผืนป่าที่ถูกประกาศทับที่ โดยให้รัฐใช้แผนที่ทางอากาศและหลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเข้ามาพิสูจน์ กรณีที่ไม่ให้อยู่ในพื้นที่ ต้องชดเชยเป็นเงินเทียบเคียงกับการเวนคืนที่ดิน 2.ผลักดันกฎหมายรองรับสถานภาพของสภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย 3.ยกระดับอัตลักษณ์ เป็นชนเผ่าท้องถิ่นที่ปกครองตามรูปแบบพิเศษตามอัตลักษณ์ของตนเอง และ 4.ให้มี ส.ว.เป็นชนเผ่า เพราะ ส.ว.เป็นกลไกหนึ่ง ที่ทำหน้าที่ออกกฎหมาย และกลั่นกรองกฎหมายนายเกรียงไกร ชูช่วง จากพรรคกรีน มีแนวคิดมาจากสากล หลายประเทศที่เป็นประชาธิปไตยก็จะมีพรรคกรีน จุดเด่นของพรรคคือจะให้คุณค่าและความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม ตนจึงเลือกเข้าร่วมกับพรรคนี้ โดยสิ่งที่พรรคจะทำมี 4 เรื่องหลัก 1.”ต้นไม้เป็นทรัพย์สิน” ผลักดัน พ.ร.บ.ธนาคารต้นไม้ ให้ต้นไม้เป็นทรัพย์สินขณะมีชีวิต เป็นหลักทรัพย์ได้โดยไม่เป็นส่วนควบกับที่ดิน คุ้มครองวิถีเกษตรสุขภาพ 2.”ที่ดินถูกต้องเป็นธรรม” 3.”เกษตรกรรมสุขภาพ” ถ้ามีเกษตรปลอดสาร กลุ่มโรค NCD เบาหวาน ความดัน ก็จะลด เพราะโรคเหล่านี้เกี่ยวข้องกับอาหารการกิน และ 4.สันติภาพยั่งยืน ทุกปัญหาต้องพูดคุย เจรจาเพื่อหาทางออกโดยไม่ใช้ความรุนแรง
นายชาติชาย ธรรมโม รองหัวหน้าพรรคสามัญชน กล่าวว่า สามัญชนเลือกข้างอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย ไม่เอาเผด็จการแน่นอน หลักการแรกจึงเน้นสร้างประชาธิปไตยฐานราก สอดคล้องกับอุดมการณ์หลักของพรรคคือการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน และกระจายอำนาจ 2.สิทธิมนุษยชน ไม่แบ่งแยกชนเผ่า คนไทย คนพื้นเมือง เชื้อชาติ สีผิว มองว่าทุกคนคือพลโลก ที่อยู่บนโลกใบเดียวกัน 3.สร้างความเท่าเทียมเป็นธรรม ทำให้การศึกษาเป็นไปอย่างเท่าเทียม และการดูแลสุขภาพเป็นมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งทางพรรคได้ทำคาราวานสามัญชน ไปคุยกับพี่น้องในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะพี่น้องชนเผ่า เพราะสิ่งที่คาดหวังคือที่ยืนในสังคม ไม่ใช่ที่นั่งบนเก้าอี้ ส.ส.เป็นหลัก คาราวานสามัญชน พยายามบอกกับพี่น้องทุกคนเสมอว่า ปัญหาในพื้นที่จะไม่ได้รับการแก้ไข ถ้าคนในพื้นที่ไม่ลุกขึ้นพูดเอง4.สิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากร หลายพื้นที่ยังมีปัญหา เช่น ป่าทับที่ 5.ทำเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เช่น ต.สะเอียบ อ.สอง จ.แพร่ ทำไร่ข้าวเหนียว มีโรงงาน 40 แห่ง เสียภาษีแต่ละปี 500 ล้านบาท แต่เงินจำนวนนี้ไม่เคยย้อนกลับมาเข้า อบต.สะเอียบเลย เข้ารัฐส่วนกลางทั้งหมด แรงงานจึงถูกถ่ายเทไปอยู่เมืองใหญ่ ถ้าทำเรื่องเศรษฐกิจสร้างสรรค์ได้ ชนเผ่าพื้นเมือง รวมถึงคนท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่ก็จะพึ่งพาตนเองได้
อย่างไรก็ตาม จากการลงพื้นที่ของคาราวานสามัญชน คิดว่าสิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน มี 2 ด้าน คือ 1.รักษาก่อนวิกฤติ เมื่อมีคนไข้ต้องเร่งรักษาก่อนไม่ใช่ปล่อยไว้จนใกล้ตายถึงรักษา 2.ยกเลิกการกรอกแบบฟอร์มข้ามถิ่น ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก เป็นความเดือดร้อนมากของพี่น้องข้ามชาติที่เข้ามาทำงานและรักษาตัว ที่ต้องกรอกแบบฟอร์มซ้ำซ้อนครั้งแล้วครั้งเล่า หากประเทศไทยจะก้าวไปข้างหน้าและเข้าสู่สากล ต้องยกเลิกเรื่องเหล่านี้ให้ได้พ.ต.ท.ดร.นาวิน วงศ์รัตนมัจฉา จากพรรคประชาภิวัฒน์ กล่าวถึงนโยบายของพรรคที่เกี่ยวกับชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองว่า มี 5 ข้อ คือ 1.ที่อยู่อาศัย ที่ทำกิน ต้องมีหลักฐาน เอกสารสิทธิ์ 2. อาชีพ จากการไปศึกษาที่ อ.แม่พริก จ.ลำปาง มีการปลูกไม้ไผ่ในเขตป่าสงวน จนสามารถออกเอกสารสิทธิได้ จึงย้อนกลับมาดูชนเผ่าว่าการที่คนจะอยู่กับป่า ป่าจะอยู่กับคนได้ ต้องใช้แบบ “แม่พริกโมเดล” เพราะต้นไผ่มีประโยชน์มากถึง 75 ข้อ นอกจากนี้ยังจะส่งเสริมให้ปลูกกัญชา 1 ล้านไร่ เพื่อให้เกิดอาชีพและสวัสดิภาพต่อชนเผ่า เนื่องจากศึกษาแล้วกัญชามีประโยชน์มากกว่าโทษ ต้านมะเร็ง แก้อัมพฤกษ์ อัมพาตได้ 3. สัญชาติ ใครอยู่ในประเทศไทยต้องได้รับสัญชาติ ไม่ว่าจะเป็นชนเผ่า หรือในกรณีคนต่างชาติให้ทำใบกรีน ภายใน 5 ปี ถ้าเขาไม่ได้ทำผิดกฎหมายก็ให้สัญชาติไทยได้เลย
ขณะเดียวกันก็ต้องการให้รัฐอนุมัติ ช่วยเหลือ องค์กร สมาคม ที่ทำเกี่ยวกับวัฒนธรรม ประเพณี 4.สิทธิมนุษยชน ชนเผ่าไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถร้องเรียนไปที่ศูนย์สิทธิมนุษยชนได้ หรือบัตรประชาชนต้องสามารถใช้ประกันตัวผู้ต้องหาได้เหมือนบัตรข้าราชการ 5.การศึกษา จะสร้างมหาวิทยาลัยชายขอบ ไม่ต้องมีอาคาร ให้ทุกคนศึกษาอยู่ในบ้าน แล้วค่อยสอบอัตนัย ซึ่งจากที่ได้ศึกษาจีน พบว่าเขาให้ชนเผ่ากว่า 200 ชนเผ่าจบปริญญาตรี และกลับไปอยู่บ้าน 2 ปี เพื่อดึงข้อมูลปัญหาต่างๆ มาให้รัฐบาล จะได้พัฒนาตามนายพรชัย จิตรนวเสถียร ผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ เขต 1 จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า 72 ปีของพรรคประชาธิปัตย์ ได้ขับเคลื่อนเรื่องสิทธิมนุษยชน และการกระจายอำนาจมาโดยตลอด บทบัญญัติของพรรคที่ยื่นต่อ กกต.จึงครอบคลุมไปถึงความเดือดร้อนของพี่น้องชนเผ่า ทั้งที่เป็นชาวเล ชาวเขา โดยไทยมีชนเผ่าที่ได้รับการขึ้นทะเบียน 5 แสนคน แต่อีก 5 แสนคน ยังมีอุปสรรคปัญหา ไม่สามารถใช้ระบบโครงสร้างพื้นฐานของรัฐได้ ประชาธิปัตย์จึงมีนโยบายมุ่งแก้ปัญหาของชนเผ่า ด้วยการจัดระบบการจัดการที่ดินของภาครัฐและเอกชนให้ชัดเจน และในส่วนพื้นที่ของภาครัฐก็จะครอบคลุมไปถึงป่า ก็จะมีการจัดการตัวบทกฎหมาย ส่วนไหนเป็นพื้นที่อนุรักษ์ 20%ของพื้นที่ทั้งหมด จะเป็นพื้นที่ป่าชุมชน และป่าเศรษฐกิจควบคู่กัน ปัญหาของชนเผ่า ไม่ว่าเรื่องของสิทธิในที่ดินทำกิน ความเท่าเทียมการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านสุขอนามัย การศึกษา ก็จะได้รับการแก้ไขบรรเทาไปส่วนหนึ่ง
ทั้งนี้ในส่วนของชนเผ่าที่ไม่ได้รับการจดทะเบียน และอยู่บนภูเขา ก็จะได้รับการบรรเทาทุกข์ สามารถใช้ที่ดินเพื่อการเกษตรและอยู่อาศัยได้ รวมทั้งเรื่องของเศรษฐกิจการท่องเที่ยวต้องๆ ก็จะทำควบคู่กันไป ส่วนชนเผ่าบางส่วนที่อยู่ในพื้นที่ชุมชนเมือง ใน 12 เมืองหลักของไทย ก็มีนโยบายการจัดการตนเอง จัดตั้งสภาพลเมือง คู่กับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อให้เข้าสู่การตรวจสอบของสภาพลเมือง ซึ่งในบทบาทนี้พี่น้องชนเผ่าก็สามารถเข้าไปแสดงตัวตนของความมีอัตลักษณ์และเป็นเจ้าของเมืองร่วมกัน.ด้าน ดร.พลศุภรักษ์ ศิริจันทรานนท์ หัวหน้าพรรคชาติพันธุ์ไทย กล่าวว่าไทยมีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ถึง 56 ชาติพันธุ์ และแม้ชาติพันธุ์ไทยจะเป็นพรรคใหม่ แต่ก็ทราบปัญหาของชาติพันธุ์ดี โดยปัญหาที่คุยกันมานาน คือการขาดสถานะบุคคล ทำให้เสียโอกาส ไม่มีสิทธิขั้นพื้นฐาน และยังสูญเสียสถานะประชาชนของกลุ่มประเทศอาเซียน เราจึงต้องเข้าไปแก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคของการอยู่ร่วมกันทุกวันนี้ โดยที่ผ่านมาไทยเราเน้นสร้างรัฐ แต่ต่อไปพรรคชาติพันธุ์ไทยจะเน้นสร้างชาติ กฎหมายใดที่เป็นปัญหาอุปสรรคของการดำรงวิถีชีวิตต้องได้รับการแก้ไข พัฒนา การที่ไทยจะพัฒนาไปได้ ต้องเอาวิถีชีวิต อัตลักษณ์ ประเพณี วัฒนธรรม เป็นตัวตั้ง.