เชียงใหม่ (18 ส.ค.58) / เชียงใหม่เข้มงวดมาตรการรักษาความปลอดภัย สั่งทุกด่านดูด้านความมั่นคงเพิ่ม พร้อมรอปฏิบัติตามคำสั่ง คสช. หลังเกิดเหตุระเบิดที่กรุงเทพฯ ผู้ว่าฯ ย้ำตำรวจเชื่อมโยงระบบกล้องวงจรปิดร่วม 8,000 จุดของทั้งราชการและเอกชน เพื่อตรวจสอบกรณีจำเป็น ขณะที่หลายหน่วยงานออกมาประณามผู้ก่อนเหตุ-แสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิต
นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงมาตรการเฝ้าระวังและดูแลความปลอดภัยหลังจากที่เกิดเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ กรุงเทพฯ ซึ่งทางส่วนกลางได้มอบนโยบายให้เข้มงวดมากขึ้นเรื่องการรักษาความปลอดภัยและด่านตรวจซึ่งปกติก็จะมีการตรวจเรื่องวินัยจราจรและตรวจวัดแอลกอฮอลล์ก็ให้เพิ่มเรื่องความมั่นคงเพิ่มขึ้น ซึ่งตอนนี้ก็รอคำสั่งของคสช.ผ่านทางมทบ.33 ว่าจะสั่งการอย่างไรบ้าง โดยขณะนี้ได้มอบหมายให้นายพุฒิพงษ์ ศิริมาตย์ ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ไปประชุมกองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(กอ.รส.)จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งวันนี้พ.อ.จิราวัฒน์ จุฬากุล รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 เป็นประธานในการประชุมและจะได้สั่งการไปยังนายอำเภอทั้งหมด
“จริงๆ เรื่องแบบนี้ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้สั่งการและเตรียมพร้อมมานานแล้ว โดยกำชับตลอดแต่เมื่อเกิดเหตุระเบิดที่กรุงเทพฯซึ่งยังไม่รู้ว่าเป้าหมายจริงๆ มาจากเหตุอะไร ถ้าหากมีการวิเคราะห์ว่าเกิดจากการเมืองระหว่างประเทศ ก็ไม่น่าห่วง แต่ถ้าหากเหตุเกิดขึ้นเพื่อหวังผลทางด้านการท่องเที่ยวก็น่าเป็นห่วง และน่ากลัวเพราะเชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยว และพยายามแจ้งให้ดูแลและระมัดระวังเรื่องของแปลกปลอม ก็ให้นายอำเภอถือปฏิบัติและระมัดระวัง ซึ่งในเมืองก็มีหลายหน่วยช่วยดูแลอยู่”ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวและว่า
บ่ายวันนี้ทางจังหวัดก็จะดูอีกครั้งว่าทางคสช. สั่งการหรือมีมาตรการใดเพิ่มเติมอีก เพราะเมื่อวานทางปลัดกระทรวงมหาดไทยก็สั่งการมาให้เพิ่มความเข้มข้นการรักษาและดูแลความปลอดภัยสถานที่ราชการ สถานที่ชุมชนทั้งหลาย ซึ่งมาตรการแบบนี้มีการสั่งการและระมัดระวังตลอดโดยเฉพาะในช่วงที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน
ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวอีกว่า ในขณะนี้คงต้องรอทางฝ่ายความมั่นคงวิเคราะห์สาเหตุของการเกิดเหตุให้ได้ก่อน ซึ่งยังไม่รู้ว่ามาจากการก่อการร้าย หรือการเมืองระหว่างประเทศซึ่งก็น่ากลัว แต่ถ้าหากเป็นเรื่องของการดิสเครดิต หรือเป็นการแสดงพลังของกลุ่มพวกที่หวังผลก็ต้องว่ากันไปตามสถานการณ์ แต่จริงๆ ไม่อยากให้ประชาชนตื่นกลัวและตื่นวิตกจนเกินไป แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่อยากให้มีเหตุเกิดขึ้นกับประชาชนผู้บริสุทธิ์
สำหรับจังหวัดเชียงใหม่มีกล้องทีวีวงจรปิดกว่า 7,000-8,000 จุดทั้งของราชการและเอกชน ซึ่งก็มีการเชื่อมโยงระบบและทางตำรวจพยายามขอเชื่อมโยงกับเอกชนที่ติดตั้ง เพื่อเอามาใช้ตรวจสอบในกรณีที่มีเหตุจำเป็น ตามแผนรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยซึ่งมีการประชุมพูดคุยตลอด
นายสุริยะ ยอมรับว่า เนื่องจากเชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยว ต้องรอให้ส่วนกลางวิเคราะห์ให้ได้ว่าสาเหตุเกิดเพราะอะไร บางกระแสบอกเป็นกลุ่มก่อการร้าย บางกระแสก็ว่าจีนกับอเมริกา และจุดที่เกิดเหตุก็มีนักท่องเที่ยวจีนไปมากด้วย เพื่อสะท้อนเหตุบางอย่าง แต่ถ้าเป็นเรื่องท่องเที่ยวโดยเฉพาะเป้าหมายคนจีนยิ่งน่าเป็นห่วงเพราะคนจีนมาเชียงใหม่เยอะ แต่ถ้าเป็นเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ และก่อเหตุความวุ่นวายทางเชียงใหม่ก็น่าเป็นห่วงน้อยลง แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่ได้ประชุมเพราะต้องรอการประชุมกองอำนวยการรักษาความสงบฯสรุปออกมาก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันเดียวกันที่โรงเรียนแม่แจ่ม อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ นายทศพล เผื่อนอุดม นายอำเภอแม่แจ่ม ร่วมกับผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้อำนวยการสถานศึกษา คณะครู-นักเรียน ประชาชนชาวอำเภอแม่แจ่ม และชาวเขาปกาเกอะญอ บ้านโม่งหลวง ม.6 ต.กองแขก กว่า 1,000 คน ได้ร่วมไว้อาลัยแด่ผู้เสียชีวิตเหตุการณ์แยกราชประสงค์ 17 สิงหาคม 58 และขอประณามผู้ที่ทำร้ายประเทศไทย
ขณะที่ นายวรกิตติ ศรีทิพากร นายอำเภอสารภี ได้ประชุม เจ้าหน้าที่ศูนย์ข้อมูลเวียงกุมกาม มัคคุเทศน์ ชมรมรถม้ารถราง เจ้าหน้าที่เทศบาล มอบแนวทางให้ช่วยกันสอดส่องดูแลบุคคลผู้ไม่หวังดี วัตถุแปลกปลอมต้องสงสัย ช่วยกันดูแลนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ สืบเนื่องจากกรณีระเบิดที่ ศาลพระพรหมเอราวัณ กทม. เมื่อคืนที่ผ่านมา
เช่นเดียวกับชมรมจักรยาน จ.เชียงใหม่ได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ ประณามผู้ก่อเหตุ และแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งให้กำลังแก่ผู้บริหารประเทศให้สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้โดยเร็ว
ต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน สมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้าน จ.เชียงใหม่ นำโดยนายกมลศิษฐ์ โรจน์ธนวิภัช นายกสมาคมฯ ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง“ขอประณามการวางระเบิดที่ราชประสงค์” และยื่นหนังสือต่อผู้ว่าฯ เชียงใหาม่ สาระสำคัญระบุว่า เหตุการณ์ในคืนวันที่ 17 ส.ค.58 ซึ่งมีคนไทยและต่างชาติได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อประเทศชาติและสังคมอย่างใหญ่หลวง ทางสมาคมฯ ซึ่งประกอบด้วย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ทั้ง 25 อำเภอ จำนวน 7,066 คน ขอประณามการกระทำอันเลวร้ายดังกล่าว และขอให้ผู้กระทำพินาศย่อยยับดุจเดียวกับแรงระเบิดที่ได้วาง ขณะเดียวกันยังได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษโดยเร็วที่สุดอีกด้วย.