รองผู้ว่าฯ เชียงใหม่ แจงเหตุที่ต้องพ่นน้ำหน้าอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ เนื่องจากประชาชนร้องขอ เพราะมีกิจกรรมถนนคนเดินวันอาทิตย์ ยันไม่ส่งผลต่อเครื่องตรวจวัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก ขณะที่กรมควบคุมมลพิษรายงานผลเหลือแม่ฮ่องสอนและตาก ที่ค่า PM.10 ยังเกินมาตรฐาน ส่วนที่ลำปางฝนกระหน่ำทำให้ค่าฝุ่นลดลง หายใจโล่งปอดขึ้น
นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์สั่งการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันจังหวัดเชียงใหม่ ได้ชี้แจงถึงกรณีการพ่นน้ำที่บริเวณหน้าอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ซึ่งมีการนำเสนอข่าวผ่านทางสื่อมวลชนโดยแกรงว่าการพ่นน้ำนั้นจะส่งผลกระทบต่อเครื่องตรวจวัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอนหรือ PM.10 ของกรมควบคุมมลพิษซึ่งอาจทำให้การวัดค่าประมวลผลผิดค่าจากข้อเท็จจริงนั้น
รองผวจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ทางจังหวัดยอมรับว่าการไปตั้งเครื่องพ่นละอองน้ำบริเวณหน้าอนุสาวรีย์สามกษัตริย์เป็นความจริง แต่ด้วยความจำเป็นเนื่องจากว่าในวันอาทิตย์ทุกวันบริเวณแห่งนั้นจะเป็นจุดที่ประชาชนจำนวนมากนับหมื่นคนจะมาเดินจับจ่ายใช้สอย เนื่องจากมีกิจกรรมถนนคนเดินวันอาทิตย์เป็นประจำ และทางจังหวัดได้รับการร้องขอจากประชาชน เพื่อให้ที่แห่งนั้นเป็นที่ที่ชุ่มชื้นปลอดจากมลพิษ ทางจังหวัดจึงได้ดำเนินการนำเครื่องพ่นละอองน้ำไปดำเนินการที่จุดดังกล่าว และให้องค์กรปกครองท้องถิ่นทุกอำเภอ ดำเนินการเช่นเดียวกัน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นในอากาศถึงแม้จะไม่มีเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศ
นอกจากนี้ทางจังหวัดทราบว่า การพ่นน้ำอาจมีผลกระทบต่อเครื่องวัดคุณภาพอากาศ แต่ด้วยข้อมูลที่ยื่นยันว่าการพ่นน้ำของจังหวัดในระยะสั้นๆ และห่างไกลจากตัวเครื่องวัดคุณภาพอากาศ เป็นอย่างมาก ประกอบด้วยคุณภาพและประสิทธิภาพของเครื่องวัดคุณภาพอากาศนั้นสามารถที่จะแยกแยะ ความชื้นในการตรวจวัดคุณภาพอากาศได้ทุกเวลา เนื่องจากเครื่องวัดฝุ่น PM10 และ PM2.5 ที่ติดตั้งที่ รร ยุพราชวิทยาลัยจะเป็นเทคนิค Beta Ray Attenuation ของ บ. Thermo Scientific รุ่น 5014i (https://www.thermofisher.com/order/catalog/product/5014I) เมื่อดูดอากาศเข้ามาในเครื่องฝุ่นจะตกลงบนกระดาษกรองและจะมีแหล่งกำเนิดของรังสีเบต้า ซึ่งเป็นรังสีพลังงานต่ำฉายผ่านกระดาษกรอง ซึ่งจะหาความสัมพันธ์ของปริมาณรังสีที่ฉายและรังสีที่ผ่านกระดาษกรองออกมา เมื่อไม่มีและเมื่อมีฝุ่นละอองเกาะอยู่ และนำไปเทียบหาความเข้มข้นของฝุ่นละอองที่ตรวจวัด
“ในระบบการวัดนี้จะมีระบบควบคุมอุณหภูมิและความชื้นให้คงที่ ที่ประมาณ 40 องศาเซลเซียส และความชื้นไม่เกิน 60 %RH อยู่ เพื่อป้องกันความชื้นสูงในช่วงที่มีหมอกจัดหรือฝนตกหนัก ความชื้นเกินกว่าที่กำหนด เนื่องจากความชื้นมีผลต่อการดูดซับรังสีภายในเครื่องวัดทำค่าที่วัดได้มีความผิดพลาดหรือต่างไปจากค่าปกติ และความชื้นที่สูงทำให้มีผลเสียต่อเครื่องมือด้วย ถ้าเข้าไปในปริมาณสูงและต่อเนื่องอาจทำให้เครื่องเสียได้”รองผวจ.เชียงใหม่ กล่าวและชี้แจงอีกว่า
ส่วนประเด็น ค่าฝุ่น pm10 ลดลงนั้น อาจจะเกิดจากหลายปัจจัยรวมทั้งกระแสลม ความร้อนสูงที่ทำให้ฝุ่นลอยตัวสูง ซึ่งในวันที่ 25 ฝุ่น pm10 ที่สถานีวัดของศูนย์ ccdc มช แม่เหียะมีค่าลดลงสอดคล้องกับสถาน รร ยุพราช และเมื่อพิจารณาจากข้อมูลคุณภาพอากาศรายวัน ณ สถานีตรวจวัดต่าง ๆ จะเห็นว่าคุณภาพอากาศไม่ได้เกินมาตรฐาน ซึ่งชาวเชียงใหม่เองทราบดีถึงความจริงข้อนี้ ท้องฟ้ายังสดใส มองเห็นดอยสุเทพชัดเจน เพียงแต่อุณหภูมิในช่วงบ่ายค่อนข้างสูง อากาศร้อนมาก การพ่นน้ำจึงเป็นเหตุผลในเรื่องของการสร้างความชุ่มชื้น ไม่ใช่เหตุผลเรื่องการบิดเบือนคุณภาพอากาศ ข่าวในลักษณะดังกล่าวส่งผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจของเจ้าหน้าที่ กำนันผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พี่น้องประชาชน ที่กำลังตรากตรำ และเสี่ยงอันตรายอยู่ในพื้นที่อำเภอต่าง ๆ เพื่อควบคุมไฟทั้งกลางวันและกลางคืน ทางจังหวัดเชียงใหม่จึงขอชี้แจงมาให้ทราบโดยทั่วกัน
ทางด้านนายชานนท์ คำทอง ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษซึ่งได้รายงานสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ ประจำวันจันทร์ที่ 27 มีนาคม 2560 เมื่อเวลา 9.00 น. พบฝุ่นละอองสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 2 จังหวัด ได้แก่ จ. แม่ฮ่องสอน และ จ.ตาก โดยค่าสูงสุดที่ตรวจวัดได้ อยู่ที่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน (132 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) โดยปริมาณฝุ่นละอองมีแนวโน้มลดลงในทุกพื้นที่ ยกเว้น จ.แม่ฮ่องสอน ตาก และลำปาง ที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
สำหรับสาเหตุของหมอกควัน ยังเกิดจากการลักลอบเผาเพื่อหาของป่า ล่าสัตว์ และการเตรียมพื้นที่เกษตร อย่างไรก็ตามกรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่า บริเวณภาคเหนือจะมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดและมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ทำให้ฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น หากเกิดสถานการณ์ไฟป่า หรือการเผาในพื้นที่ ก็จะส่งผลให้ฝุ่นละอองสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ในช่วงระหว่างวันที่ 27-29 มีนาคม 2560 บริเวณอากาศแปรปรวนที่ภาคเหนือ และมีโอกาสเกิดพายุฤดูร้อน มีลมกรรโชคแรง และลูกเห็บตกได้บางพื้นที่ อาจทำให้ปริมาณฝุ่นในบรรยากาศลดลงได้เล็กน้อย
นอกจากนั้นทางกรมควบคุมมลพิษ ได้ขอให้ทุกจังหวัดระดมสรรพกำลังเฝ้าระวังการเกิดไฟ และดับไฟอย่างต่อเนื่อง รวมถึงควบคุมกิจกรรมอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดฝุ่นขึ้นในพื้นที่ และขอให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนถึงสถานการณ์หมอกควันและไฟป่าที่เริ่มสูงขึ้น และแนะนำการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องเพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพ รวมทั้งขอความร่วมมือจากประชาชนในการงดเผาป่าและเศษวัสดุการเกษตรในช่วงนี้ต่อไปด้วย.