ชลประทานเชียงใหม่ ย้ำน้ำเพียงพอหากเกษตรกรไม่ปลูกข้าวนาปรังเพิ่ม เผยอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่มีน้ำกักเก็บไว้เกิน 50% พร้อมส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ชี้แจงชาวบ้านบางส่วนให้เข้าใจ หวังไม่ให้เกิดกรณีพิพาทระหว่างชาวสวนกับชาวนาซ้ำรอยเหมือนในปีที่ผ่านมา
นายอัธยา อรรณพเพ็ชร หัวหน้าฝ่ายจัดสรรน้ำและปรับปรุงระบบชลประทาน โครงการชลประทานเชียงใหม่ เปิดเผยถึง การคาดหมายปริมาณน้ำต้นทุนในเขื่อน/อ่างเก็บน้ำและปริมาณน้ำจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติ ในช่วงฤดูแล้ง อยู่ในภาวะเสี่ยงในการขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร โดยกำหนดมาตรการควบคุมการบริหารจัดการน้ำ โดย จะกำหนดระดับน้ำในแม่น้ำปิงในแต่ละจุดที่เหมาะสมให้ เพื่อการรักษาเสถียรภาพของตลิ่งแม่น้ำปิง (บริเวณที่ไหลผ่านชุมชนเมือง) และควบคุมการปิดกั้นทางน้ำหรือการดำเนินการกิจกรรมใดๆ ที่เป็นอุปสรรคในการบริหารจัดการน้ำ พร้อมกับเฝ้าระวังและควบคุมไม่ให้มีการปล่อยน้ำเสียลงในแม่น้ำ คู คลอง และแหล่งน้ำต่างๆ เนื่องจากทำให้ต้องระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำเพิ่มขึ้นเพื่อเจือจางน้ำเสีย
ทั้งนี้ สำนักงานชลประทานที่ 1 จะเป็นผู้ถือกุญแจควบคุมปิด-เปิดประตูปากคลองส่งน้ำในลำน้ำปิง รอบเวรการส่งน้ำทั้งหมด 21 รอบเวร รอบเวรสุดท้ายในวันที่ 28 มิ.ย.60 กำหนดส่งน้ำวันพฤหัสบดี จำนวน 18 ลบ.ม./วินาที และวันศุกร์จำนวน 10 ลบ.ม./วินาที โดยขอความร่วมมือเปิดใช้น้ำใน วันจันทร์เวลา 9.00 น. ถึง วันศุกร์เวลา 18.00 น. ในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน จะมีความต้องการใช้น้ำสูง (เกิดภาวะภัยแล้งในบางพื้นที่) จึงทำการปรับแผนโดยเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ให้เพียงพอกับความต้องการ ซึ่งอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่จะมีน้ำเกินกักเก็บไว้เกิน 50% ที่น่าห่วงจะเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำแม่จอกหลวง ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม อ่างเก็บน้ำห้วยมะนาว ต.บ้านกาด อ. สันป่าตอง และอ่างเก็บน้ำแม่ตูบ ต.โป่งทุ่ง อ.ดอยเต่า
สำหรับแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งในปีนี้มีพื้นที่รวมทั้งหมด 140,867 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 15,247 ไร่ ภาพรวมการบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำปิงตอนบนจังหวัดเชียงใหม่และลำพูนนั้น จะแบ่งปริมาณน้ำที่เก็บกักของเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชลออกเป็น 3 ส่วน โดยส่วนแรก จำนวน 50 ล้าน ลบ.ม. ใช้สำหรับการเพาะปลูกในพื้นที่โครงการฯแม่แฝก-แม่งัดฯ ส่วนที่สอง จำนวน 78 ล้าน ลบ.ม. ใช้สำหรับพื้นที่ในลุ่มน้ำปิงตอนบนจังหวัดเชียงใหม่-ลำพูน และส่วนสุดท้าย 32 ล้าน ลบ.ม. ใช้เป็นน้ำสำรองและเพื่อการตกกล้านาปี ทั้งนี้สิ้นเดือนมิถุนายน 2560 จะส่งน้ำครบ 78 ล้าน ลบ.ม. โดยปริมาณน้ำเพียงพอ หากไม่มีการเพาะปลูกเพิ่มเติม ซึ่งที่ผ่านมาสามารถส่งน้ำให้ทุกภาคส่วนได้ โดยไม่ขาดแคลน ขณะเดียวกันได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกร รวมทั้งสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าที่ใช้น้ำจากแม่น้ำปิง งดปลูกข้าวรอบ 3 หรือกรณีราษฎรไม่งดเว้นก็ควรจะชะลอหรือเลื่อนการปลูกข้าวรอบ 3 เป็นต้นเดือนมิถุนายน 2560 จะทำให้บรรเทาปัญหาได้ เนื่องจากไม้ผล มะม่วง ลำไยออกผลแล้วช่วงปลายเดือนพฤษภาคม โดยได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ ชี้แจงราษฎรบางส่วนให้เข้าใจ หวังไม่ให้เกิดกรณีพิพาทระหว่างชาวสวนกับชาวนาเหมือนในปีที่ผ่านมา