แซม สตีเฟนส์ ไวน์เมกกิ้งแอมบาสเดอร์ประจำภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา แนะนำไวน์ตัวใหม่ภายใต้แบรนด์เพนโฟลด์

แซม สตีเฟนส์ ไวน์เมกกิ้งแอมบาสเดอร์ประจำภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา แนะนำไวน์ตัวใหม่ภายใต้แบรนด์เพนโฟลด์

- in headline, นันทนาการ, อาหาร

แซม สตีเฟนส์ ไวน์เมกกิ้งแอมบาสเดอร์ประจำภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลางและแอฟริกา แนะนำไวน์ตัวใหม่ภายใต้แบรนด์เพนโฟลด์

โรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่ แซม สตีเฟนส์ ไวน์เมกกิ้งแอมบาสเดอร์  ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ได้มาให้ความรู้และแนะนำผลิตภัณฑ์ไวน์ภายใต้แบรนด์เพนโฟลด์ (Penfolds) และอาหารที่ทานคู่กับไวน์ตัวใหม่ ซึ่งทำให้ได้ลิ้มรสของไวน์และอาหารที่เข้ากันมากๆ

แซม มีประสบการณ์ด้านการจัดจำหน่ายไวน์มานานกว่า 18 ปี ปัจจุบันมีฐานะเป็นนักการศึกษาและผู้ถ่ายทอดความรู้ด้านไวน์ ทั้งยังเป็ฯผู้สอนที่ผ่านการรับรองจาก WEST และประสบความสำเร็จในการฝึกสอนหลักสูตรด้านการค้าและผู้บริโภคไวน์มาแล้วทั่วโลก

ไวน์ตัวแรกที่แซมแนะนำคือ Koonunga Hill Autumn Ries ไวน์ขาวจาก South Australia 2016 เหมาะสำหรับเรียกน้ำย่อย ทานเบาๆ กับเมนูMarennes-Oleron oysters and raspberry with carabinero,lemon erbena and peach sangria จากปกติไม่ค่อยชอบไวน์ขาวซักเท่าไหร่ แต่พอได้ลิ้มลองคู่กับอาหารจานนี้แล้วก็ทำให้ติดใจได้เช่นกัน

คราวนี้มาถึง เพนโฟลด์ที่เป็นไวน์แดงบ้าง Koonunga Hill Seventy Six ตัวนี้จะผสมระหว่าง Shiraz-Cabernet Sauvignon ซึ่งจะมีทั้งความเผ็ดร้อนของสมุนไพรผสมผสานกับความสมูทของราบาเนต์ จึงเหมาะที่จะจิบไวน์แดงชนิดนี้กับอาหารไทยยิ่งนัก

มาถึง Bin 389  ถือเป็นไวน์แดงระดับพรีเมี่ยมเพราะใช้องุ่นระดับพรีเมี่ยมมาหมักในถังไม้โอ๊คจากฝั่งอเมริกาทำให้มีราคาค่อนข้างสูง แล้วก็มาถึงตัวสุดท้าย Bin 138 Shiraz-Grenache-Mataro สำหรับไวน์แดงตัวนี้จะมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้  รสชาติดีมาก

สำหรับเพนโฟลด์ ถือเป็นหนึ่งในผู้ผลิตไวน์ชั้นเลิศที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศออสเตรเลีย เปี่ยมด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานและมรดกทางภูมิปัญญาที่สะท้อนถึงความเป็นมาของประเทศ นับตั้งแต่ยุคการก่อตั้งอาณานิคมมาจนถึงยุคปัจจุบัน เพนโฟลด์คือแบรนด์ที่มีบทบาทอันสำคัญยิ่งของการวิวัฒนาการผลิตไวน์ทั้งของออสเตรเลีย และทั่วโลก

เพนโฟลด์ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1844 โดย ดร.คริสโตเฟอร์ รอว์สัน และ แมรี่ เพนโฟลด์ สองผู้ลี้ภัยชาวอังกฤษซึ่งเดินทางมาถึงเมืองอะเดเลด เมืองหลวงของรัฐเซาท์ออสเตรเลียในเวลา 8 ปีก่อนหน้าการก่อตั้งแบรนด์ หลังจากซื้อที่ดินซึ่ง “มีทำเลที่ตั้งที่น่าพึงพอใจและเปี่ยมด้วยคุณค่าอย่างแท้จริง” เมืองมากิลล์บริเวณเนินเขาอะเดเลดฮิลล์ ทั้งสองจึงได้เริ่มปลูกไร่องุ่นและห้องผ่าตัดทางการแพทย์ในบ้านพักหินซึ่งสร้างขึ้นใหม่โดยใช้ชื่อว่า “เดอะ แกรนจ์ (The Grange)” และเนื่องจากกลุ่มนักล่าอาณานิคมมีความเชื่อว่าไวน์คือเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมานัยแต่อดีต ทำให้ไวน์โทนิคของเพนโฟลด์ได้รับความนิยมอย่างสูงและทำให้ทั้งสองตัดสินใจก่อตั้งธุรกิจไวน์อย่างจริงจังขึ้นในที่สุด

ในปี ค.ศ. 1881 เพนโฟลด์เป็นผู้ผลิตไวน์จำนวนมากถึง 1 ใน 3 ของทั้งประเทศออสเตรเลีย และในช่วงเปลี่ยนผ่านศตวรรษ ไวน์เพนโฟลด์ก็เริ่มแพร่หลายสู่บางเมืองในสหราชอาณาจักร และได้กลายมาเป็นผู้ผลิตไวน์ดีกรีสูงรายใหญ่ที่สุดของออสเตรเลียในเวลาเดียวกับการก่อตั้งประเทศเป็นสหพันธรัฐออสเตรเลียในปี ค.ศ. 1901

แม้ว่า ดร.คริสโตเฟอร์ เพนโฟลด์ จะได้รับการบันทึกว่าเป็นผู้ก่อตั้งเพนโฟลด์ หากเขากลับวุ่นวายอยู่กับการทำงานทางการแพทย์และการสั่งจ่ายไวน์เพนโฟลด์ในรูปแบบยาเจริญอาหารสำหรับผู้ป่วยของเขาเท่านั้น ฉะนั้น ผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารไร่องุ่นก็คือ แมรี่ ภรรยาของเขานั่นเอง ซึ่งทำหน้าที่ทั้งการผลิตและก่อตั้งแบรนด์ในรูปแบบธุรกิจไวน์ ถือว่าเธอคือหนึ่งในนักธุรกิจหญิงคนแรกที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของออสเตรเลียอย่างแท้จริง

ในช่วงทศวรรษที่ 1990 เพนโฟลด์ได้นำเสนอคอลเลกชั่นไวน์ที่มีความแปลกใหม่จำนวนมากออกสู่ตลาด ซึ่งอาจถือเป็นช่วงเวลาของการทดลองสิ่งใหม่และการสร้างโอกาสทางการค้าครั้งสำคัญของบรรดาไวน์เมกเกอร์ของเพนโฟลด์ โดยโครงการ “ไวท์ แกรนจ์ (white Grange)” ถือเป็นการให้กำเนิดไวน์รุ่นบิน 144 แยตตาร์นา ชาร์ดอนเนย์ (Bin 144 Yattarna Chardonnay) ในปี ค.ศ. 1995 (วางจำหน่ายในปี ค.ศ. 1998) ซึ่งการทดลองผลิตไวน์แบบสเปเชียลบินทั้งแบบทดลองและแบบดั้งเดิม ทำให้เกิดไวน์รุ่น 1990 บิน 90เอ (1990 Bin 90A), 1990 บิน 920 (1990 Bin 920) และ 1996 บล็อก 42 (1996 Block 42) และนำไปสู่การเปิดตัวไวน์ อาร์ดับเบิลยูที ชีราซ (RWT Shiraz) ไวน์ชีราซบารอสซ่าที่ดีเยี่ยมที่สุดของเพนโฟลด์ซึ่งบ่มในถังไม้โอ๊คฝรั่งเศส

โดยระหว่างทศวรรษที่ 1990 นี้เองที่เพนโฟลด์ได้นำเสนอ Re-corking Clinics ซึ่งเป็นบริการหลังการขายแนวใหม่ที่ยังไม่เคยปรากฏมาก่อน โดยนักสะสมไวน์สามารถนำไวน์ของตนเองที่เก็บไว้เป็นเวลานานมาให้ผู้เชี่ยวชาญทำการประเมินรสชาติ การปิดผนึกใหม่ การเติมส่วนผสมเพิ่ม และการบรรจุใหม่อีกครั้งเพื่อให้ได้ไวน์คุณภาพเยี่ยมคงเดิม โดยเฉพาะไวน์ในรุ่นแกรนจ์ ปัจจุบัน มีไวน์มากกว่า 120,000 ขวด ที่ใช้บริการนี้และผ่านการรับรองทั่วทั้งออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สหราชอาณาจักร รวมถึงสหรัฐอเมริกาและเอเชีย

เพนโฟลด์จัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีไวน์รุ่นแกรนจ์เมื่อปี ค.ศ. 2001 และเพื่อเป็นการยกย่องในระดับสูง สถาบัน National Trust of South Australia ได้ขึ้นทะเบียนให้ไวน์รุ่นแกรนจ์เป็นสัญลักษณ์แห่งมรดกอันทรงคุณค่าของประเทศ

ในช่วงหลังคริสต์ศตวรรษที่ 2000 ถือเป็นช่วงเวลาที่คอลเลกชั่นไวน์เพนโฟลด์มีการเพิ่มรุ่นการผลิตและสร้างความเข้มแข็งให้กับแบรนด์อย่างมาก เพื่อตอบสนองความต้องการและความสนใจของบรรดานักดื่มที่มีต่อแบรนด์ไวน์ระดับพรีเมี่ยมชั้นนำของโลก ซึ่งสกุลไวน์ชั้นเลิศของไวน์เพนโฟลด์ทั้งหมดในปัจจุบันถือเป็นผลงานจากความมุ่งมั่นในการผลิตไวน์ที่ดีเยี่ยมอย่างไร้ข้อกังขาของชูเบิร์ตอย่างแท้จริง

เพนโฟลด์ได้รับรางวัลและการยกย่องมากมายในช่วงหลังคริสต์ศตวรรษที่ 2000 โดยใน ค.ศ. 2005 นิตยสาร US Wine Enthusiast ได้เสนอชื่อให้ปีเตอร์ กาโก ได้รับตำแหน่งไวน์เมกเกอร์ยอดเยี่ยมแห่งปี (Winemaker of the Year) และในปีเดียวกัน สถาบัน Langton’s Classification of Australian Wine ได้ยกย่องประวัติศาสตร์และความนิยมที่มีต่อสกุลไวน์ชั้นเลิศของไวน์เพนโฟลด์ ซึ่งนำโดยไวน์รุ่นแกรนจ์อันโดดเด่น

ต่อมาในปี ค.ศ. 2008 แกรนจ์ได้รับคะแนนเต็ม 100 แต้มจาก 2 นิตยสารไวน์ที่ทรงอิทธิพลสูงสุดของโลก นั่นคือ Robert Parker’s Wine Advocate และ Wine Spectator และในปี ค.ศ. 2011 ไวน์เพนโฟลด์ รีเสิร์ฟ บิน 09 เอ ชาร์ดอนเนย์ (Penfolds Reserve Bin 09A Chardonnay) ก็สามารถคว้ารางวัล International Wine Challenge Champion White Wine ไว้ได้ และในปี ค.ศ. 2013 นิตยสารไวน์ชั้นนำ Wine and Spirits ได้บรรจุไวน์เพนโฟลด์ลงในรายการ “ไวน์ยอดเยี่ยมแห่งปี (Top Winery of The Year)” เป็นปีที่ 23 ติดต่อกันซึ่งติดอันดับยาวนานกว่าไวน์ชนิดใดในโลก

เพนโฟลด์ยังคงสืบสานแนวทางการคิดค้นสิ่งใหม่และการทดลองอย่างไม่หยุดยั้ง โดยในปี ค.ศ. 2012 เพนโฟลด์ได้เปิดตัวโครงการ “Ampoule Project” นำเสนอขวดแก้วแบบแฮนด์เมดโดยช่างฝีมือจำนวนจัดเพียง 12 ขวดเพื่อใช้บรรจุไวน์ 2004 บล็อก 42 กาแบร์เนต์ ซูวียอง (2004 Block 42 Cabernet Sauvignon) ซึ่งขวดแก้วนี้ได้รับความสนใจจากทั่วโลกจนเกิดการแย่งชิงกันในหมู่นักสะสม ซึ่งการขยายขอบเขตของการผลิตไวน์แบบร่วมสมัยเพื่อการปรับปรุงคุณภาพถือเป็นแนวทางที่เพนโฟลด์ยึดถือปฏิบัติตราบจนทุกวันนี้

เพนโฟลด์คือสัญลักษณ์ของมรดกอันล้ำค่าแห่งออสเตรเลีย ไวน์เพนโฟลด์สะท้อนถึงความรุ่มรวยแห่งจิตวิญญาณอันเป็นอมตะ ฝีมือช่างชั้นครู และความงดงามแห่งภูมิประเทศของออสเตรเลีย

ดังที่หัวหน้าไวน์เมกเกอร์ ปีเตอร์ กาโก ได้กล่าวไว้ว่า “ไวน์คืออันดับหนึ่งเสมอ” สิ่งนี้ยืนยันถึงหลักการและความรุ่มรวยแห่งจิตวิญญาณที่ส่งต่อกันมาในหมู่ไวน์เมกเกอร์จากรุ่นสู่รุ่น ทั้งในไร่องุ่น โรงกลั่นไวน์ และตลาดการค้า ซึ่งทำให้ไวน์เพนโฟลด์มีคุณภาพที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์และยั่งยืนคู่กาลเวลา

สำหรับในประเทศไทย เพนโฟลด์เป็นที่รู้จักดีสำหรับคอไวน์ทั้งหลาย และถือส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ถึง 40% เลยทีเดียว.

 

You may also like

ทอท.เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น ประชาชนในรัศมี 5 กม. จากสนามบินเชียงใหม่ ครั้งที่ 2 เกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(EIA)โครงการพัฒนาสนามบินเชียงใหม่

จำนวนผู้