“ประจญ”เผยเป็นผู้ว่าฯมา 5 ปี”มองออกและรับมือได้อย่าไปตื่นเต้น” ลั่นจะให้ประชาชนอยู่ดีกินดี โรคภัยคุกคามให้น้อยที่สุด แจงอย่าห่วงไฟป่าหมอกควันขอให้เชื่อมั่นประสบการณ์ ยันมาถึงจุดนี้ผ่านการคัดมาอย่างดี พร้อมจัดแข่งกอล์ฟและยิงปืนหาเงินทุนจัดชุดลาดตระเวนกิน นอนในป่าเหมือนไปตั้งแคมป์ ย้ำไม่เน้นเอาฮ.หรือตนไปดับไฟ ชี้ไม่ได้ผล และสิ้นเปลือง
เมื่อวันที่ 11 ม.ค.65 ที่ห้องประชุมสำนักชลประทานเชียงใหม่ นายประจญ ปรัชสกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่พร้อมด้วยนายวรญาณ บุณราช รองผวจ.เชียงใหม่และนายประสงค์ หล้าอ่อน ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ ได้ร่วมกันแถลงข่าวสื่อมวลชนประจำสัปดาห์ซึ่งเป็นวาระพิเศษหลังจากที่ผวจ.,รองผวจ.เชียงใหม่ ปลัดจังหวัดและจ่าจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งมารับตำแหน่งผู้บริหารจังหวัดเชียงใหม่ ในวาระสับเปลี่ยนโยกย้ายใหม่ทั้งรองผวจ.เชียงใหม่คนใหม่ทั้ง 3 คน ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งอดีตเป็นนายอำเภอแม่สาย และในโอกาสปีใหม่ด้วย
นายประจญ ปรัชสกุล ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า สำหรับตนไม่ใช่คนใหม่สำหรับที่นี่เพราะเป็นผู้ว่าราชการมาเป็นปีที่ 5 แล้วโดยเป็นผวจ.พะเยาเกือบ 2 ปี และเชียงราย 3 ปีมาเป็นผู้ว่าฯเชียงใหม่ปีที่ 5 ซึ่งหลายคนจับตามองปัญหาไฟป่าและหมอกควันที่เป็นปัญหาใหญ่ของภาคเหนือ และเรื่องนี้ตนทราบดีว่าจะต้องทำอย่างไร จากประสบการณ์การเป็นผู้ว่าฯทั้งที่พะเยาและเชียงรายตนมองออกและวางแผนรับมือได้ จึงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น และจะให้ปัญหานี้เป็นภัยคุกคามประชาชนให้น้อยที่สุด
“ผมจะทำให้ประชาชนอยู่ดี กินดี โรคภัยคุกคามให้น้อยที่สุด เรื่องไฟป่าหมอกควันนี่ผมให้ความสำคัญจะประชุมด้วยตัวเองไม่ต้องห่วง ทุกวันนี้งานอีเว้นท์ต่างๆ ผมมอบรองผู้ว่าฯไปแทน ผมสแตนบายไว้กรณีเกิดเหตุ อยู่เชียงใหม่Agendaมันเยอะ คืองานที่ต้องทำ งานที่ต้องบูรณาการไม่ต้องไปคิดงานใหม่ แต่คนที่จะมาอยู่ที่เชียงใหม่ได้คือคนที่ถูกคัดมาอย่างดีแล้ว ทีมบริหารถูกฝึกปรือมาจากจังหวัดเล็กๆมาแล้ว มีการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ก่อนที่จะมาเชียงใหม่”ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวและว่า
ก่อนหน้าโน้นผมเป็นปภ.เชียงใหม่มีประสบการณ์ที่นี่ 5 ปี เคยเจอเรื่องน้ำท่วมใหญ่มาแล้ว ต้องต่อสู้กับมวลน้ำที่จะไหลท่วมพื้นที่เศรษฐกิจใจกลางเมืองเชียงใหม่ ผมต่อสู้โดยระดมกระสอบทรายเพื่อสร้างพนังกันน้ำปิงทั้งสองฝั่ง มีพลตรีนพพร เรือนจันทร์หรือพี่ไจแอ้นท์สมัยอยู่พล.ร.7 ตอนนั้นเอากำลังทหารมาช่วย วันเดียวก็สำเร็จสามารถป้องกันน้ำท่วมได้ ไฟป่าหมอกควันเชียงใหม่เมื่อปี 51 เคยมีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยเพื่อจะควบคุมสถานการณ์แต่สุดท้ายประกาศได้ 3 วันต้องยกเลิกเพราะคำสั่งนี้ทำให้ทุกอย่างชะงักไปหมด
ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า การแก้ปัญหาไฟป่าหมอกควันคือต้องลดการสะสมหมอกควัน จากประสบการณ์ผมอยู่ที่กรมปภ.และตั้งแต่เป็นผู้ว่าฯเรื่องหมอกควันไฟป่าจะไม่เกิดหากไม่มีคนไปจุดไฟ เพราะฉะนั้นต้องแก้ปัญหาให้ตรงจุด ไม่ให้เกิดการเผา ส่วนการเผาพื้นที่เกษตรในกรณีที่จำเป็นต้องดูดินฟ้าอากาศ ทิศทางลมก่อน ตอนนี้มีการตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันฯที่อบจ.เชียงใหม่ พื้นที่เกษตรจะให้มีการบริหารจัดการเชื้อเพลิง ส่วนพื้นที่ป่าห้ามไม่ให้มีไฟเด็ดขาด
“ผมให้มีการจัดชุดลาดตระเวน จัดทีมเดินป่าไปลาดตระเวนเหมือนเข้าไปตั้งแคมป์เดินป่า ไปทำงานเหมือนไปเที่ยวป่า ชุดนี้จะเป็นกำลังผสมมีทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองและพลเรือน หากพบเจอไฟก็ให้รีบดับ ตรรกะคือจะไม่ให้มีการดับไฟแต่จะไม่ให้เกิดไฟ แต่เดิมผมตั้งใจว่าจะให้ชุดเคลื่อนที่นี้เริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่ 1 ม.ค.แต่ตอนนี้ยังมีภารกิจสำคัญในพื้นที่ ก็คงจะเริ่มประมาณ 17 ม.ค.นี้เป็นต้นไป”นายประจญ กล่าวและชี้แจงอีกว่า
วิธีการนี้ผมเชื่อว่าได้ผล เพราะผมทำที่เชียงรายมา 3 ปีแล้ว Hot Spot น้อยที่สุดใน 9 จังหวัดภาคเหนือ เราไม่ต้องเอาเฮลิคอปเตอร์มาดับไฟ เหนื่อย ไม่คุ้มค่าและไม่เคยเห็นว่าจะดับไฟได้ด้วยก็ปล่อยให้ไฟมันดับเองตลอด ชุดลาดตระเวนนี้จะเน้นดอยสำคัญๆ ของเชียงใหม่ ดอยสุเทพ ดอยหลวงเชียงดาว ดอยอินทนนท์และอุทยานแห่งชาติศรีลานนา การบริหารยังใช้ระบบซิงเกิ้ลคอมมานด์ ผู้ว่าฯเป็นผู้บริหารสั่งการคนเดียวระดับจังหวัด และให้อำเภอเป็นผู้ประเมินพื้นที่ของตนเองมีศูนย์ฯของตัวเอง ส่วนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งอบต.และเทศบาลเป็นชุดปฏิบัติการที่ต้องมีกำลังคนและอุปกรณ์ออกไปทำงาน ให้ปลัดอำเภอเป็นหัวชุด
นายประจญ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของกองทัพภาคที่ 3 เองก็มีกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์อยู่ ซึ่งได้ทำงานแล้วและออกลาดตระเวนหาข่าว และส่งข่าวมาให้ทางจังหวัด เชียงใหม่จะมีชุดลาดตระเวน 24 อำเภอยกเว้นสารภีเพราะไม่มีป่า ในการทำงานจำเป็นต้องมีงบประมาณก้อนหนึ่งที่สามารถเอามาทำงานได้ทันท่วงที ตอนนี้ก็จึงจะจัดกิจกรรม”ระดมทุนเพื่อลมหายใจชาวเชียงใหม่”โดยจะมีการจัดแข่งขันกอล์ฟในวันที่ 22 ม.ค.65 นี้ ทีมละ 4 หมื่นบาทตั้งเป้าไว้ 32 ทีม และจัดหาทุนจากผู้สนับสนุนป้ายๆ ละ 1 หมื่นบาทจำนวน 100 ป้ายตั้งเป้าเงินทั้งหมดจากกอล์ฟไว้ 2.4 ล้านบาท และจัดให้มีการแข่งขันยิงปืนในวันที่ 29-30 ม.ค.นี้ ซึ่งตอนอยู่เชียงรายผมก็หาเงินได้ 2.5 ล้านบาท คิดว่าสำหรับเชียงใหม่คงจะได้ไม่ต่ำกว่านี้
“สำหรับเงินกองทุนเพื่อไฟป่าของเชียงใหม่ที่เคยจัดตั้ง ตอนนี้เขาตั้งเป็นมูลนิธิฯ การเบิกจ่ายค่อนข้างมีขั้นตอนทำให้ล่าช้า จึงอยากให้มีเงินกอ้นหนึ่งสำหรับให้กับชุดลาดตระเวนนี้”ผวจ.เชียงใหม่ กล่าว.