sacit หรือ สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) ชูงานศิลปหัตถกรรมไทยชาวล้านนา น้ำต้น – แกะสลักไม้ – ดุนโลหะ ชั้นบรมครู ส่งต่อมรดกทางภูมิปัญญาที่ทรงคุณค่า ควรค่าแก่การสืบสาน และต่อยอดสู่คนรุ่นหลังต่อไป
นายพรพล เอกอรรถพร รักษาการแทน ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย กล่าวว่า sacit มีอีกหนึ่งภารกิจสำคัญอีกด้าน คือ การส่งเสริมคุณค่าบุคคลผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมที่มีความรู้ ความชำนาญ มีทักษะฝีมือ ในงานศิลปหัตถกรรมไทยพื้นบ้าน อนุรักษ์ และสืบสานภูมิปัญญาดั้งเดิมที่สั่งสมสืบทอดจากบรรพบุรุษ สะท้อนถึงศาสตร์และศิลป์เชิงช่างในสาขาต่างๆ ให้ดำรงคงอยู่โดยไม่ให้สูญหายไปตามกาลเวลา เพราะเป็นบุคลากรที่ทรงคุณค่าเป็นผู้ที่สืบสานและรักษาอัตลักษณ์และภูมิปัญญาด้านงานศิลปหัตถกรรมไทยให้คงอยู่มาตั้งแต่อดีต ซึ่งปัจจุบันกลุ่มผู้สร้างสรรค์มีอายุมากขึ้นและอาจขาดทายาท ผู้สืบสานภูมิปัญญาด้านงานศิลปหัตถกรรมไทย
sacit จึงได้มีกิจกรรมเฟ้นหาและเชิดชูเกียรติบุคคลเป็น “ครูศิลป์ของแผ่นดิน” “ครูช่างศิลปหัตถกรรม” และ “ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม” เป็นประจำทุกปี ปัจจุบันนำมาเชิดชูแล้วกว่า 438 ราย และได้ดำเนินการรวบรวมชีวประวัติ ผลงาน และองค์ความรู้ในการทำงานศิลปหัตถกรรมของผู้ได้รับการเชิดชูเกียรติแต่ละประเภท โดยเฉพาะในงานหัตถกรรมที่กำลังจะสูญหาย หรือเหลือผู้ทำน้อยรายให้คงอยู่ดำรงไว้ซึ่งเอกลักษณ์และมรดกทางวัฒนธรรมของชาติไทยสืบต่อไป
การนำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ในครั้งนี้ จึงเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองการอนุรักษ์และสืบสานภูมิปัญญางานศิลปหัตถกรรมไทยที่หาดูได้ยากในปัจจุบัน ได้แก่ งานน้ำต้น , งานดุนโลหะ และงานแกะสลักไม้ เป็นต้น
“น้ำต้น” หรือ “คนโท” เป็นงานศิลปหัตถกรรมที่อยู่ในวิถีชีวิตชาวล้านนามาช้านาน นอกจากจะใช้เป็นภาชนะใส่น้ำ ยังเป็นภาชนะใช้ใส่ดอกไม้บนแท่นบูชาและในพิธีกรรมต่างๆ รวมทั้งเป็นเครื่องประกอบ ยศของชนชั้นสูงในสมัยโบราณ ปัจจุบันครูสมทรัพย์ ศรีสุวรรณ ครูศิลป์ของแผ่นดิน ปี 2563 ผู้อนุรักษ์และ สืบสานงานภูมิปัญญาการปั้นน้ำต้นของชาวล้านนาที่เกือบจะสูญหายไปจากแผ่นดินให้กลับมาคงอยู่ได้ ในปัจจุบัน ตั้งแต่การเตรียมดิน การนวดดินเหนียว นำมาขึ้นรูปบนแป้นหมุนไม้ที่ยังคงใช้แรงคนหมุน และตกแต่งลวดลายด้วยอุปกรณ์ที่เรียกว่า “เขาควาย” ตกแต่งผิวดินภายนอกให้เกิดเป็นลวดลายต่าง ๆ มาขูดขีด สลักลาย พิมพ์ลาย กดลาย ให้เกิดเป็นลวดลายเอกลักษณ์น้ำต้นโบราณ ซึ่งทุกกระบวนการล้วนเป็นภูมิปัญญาของคนรุ่นเก่าที่ส่งต่อภูมิปัญญากันมานับหลายร้อยปี
“งานดุนโลหะ” หรือ ภาษาถิ่นล้านนาจะเรียก ดุนลาย ว่า ต้องลาย หรือ ต้องครัว สร้างสรรค์โดย ครูดิเรก สิทธิการ ครูศิลป์ของแผ่นดิน ปี 2554 และนายพิชิต นะงอลา ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม ปี 2562 ทั้งสองท่านยังคงเอกลักษณ์งานดุนโลหะตามขนบและลวดลายแบบดั้งเดิม และมีฝีมือที่ละเอียดลออ รวมถึง ยังได้พัฒนารูปแบบ ลวดลาย วัสดุในการทำงานดุนโลหะสลักเงินให้มีความทันสมัย เหมาะกับยุคและความต้องการของตลาดมากขึ้น มีการปรับเปลี่ยนวัสดุอุปกรณ์ในการผลิตให้หาง่ายและทันสมัยขึ้น อย่างเช่น ทองแดง อลูมิเนียม ในการสร้างสรรค์ชิ้นงาน เพื่อเพิ่มสีสันเพิ่มมิติให้กับงานนั้น ๆ มากขึ้น รวมถึงลวดลายได้มีการนำลวดลายไทยและล้านนาแบบดั้งเดิมมาผสมผสานกับศิลปะร่วมสมัย ออกจำหน่าย ขยายตลาดให้มากขึ้น
สำหรับผลงานของนายพิชิต นะงอลา ทายาทช่างศิลปหัตถกรรม ปี 2562 อีกหนึ่งผู้สืบทอดภูมิปัญญา งานดุนโลหะจากครูดิเรก นำมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น มีเอกลักษณ์ที่ความชัดเจนของลวดลาย ละเอียด อ่อนช้อย งดงามรอบด้านในรูปแบบลอยตัว เช่น ผลงานที่ชื่อว่า “ไตรภูมิ” ที่นำโลหะ ทั้ง 3 ชนิด (ทองเหลือง ทองแดง และอะลูมิเนียม) มารวมไว้ในชิ้นงานเดียว จนได้มีโอกาสนำผลงานดุนโลหะ “ปลาอานนท์” ไปอวดโฉมปรากฏสายตาชาวโลกให้เป็นที่ประจักษ์ในความงดงามและคุณค่าจากภูมิปัญญา ที่เป็นเอกลักษณ์ ต่อยอดความคิดสร้างสรรค์ ผสมผสานกับจินตนาการอันกว้างไกลด้วยฝีมือคนไทย ที่งาน Revelations 2019 ณ Grand Palais กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่ผ่านมาอีกด้วย
“งานแกะสลักไม้” สร้างสรรค์โดยครูเพชร วิริยะ ครูศิลป์ของแผ่นดิน ปี 2564 หรือที่รู้จักกันในนาม “สล่าเพชร” เป็นช่างฝีมือผู้เปี่ยมด้วยทักษะ และความเชี่ยวชาญในด้านการแกะสลักไม้ และยังถือเป็นบรมครูแห่งวงการงานแกะสลักช้างไม้ที่มีชื่อเสียงได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในจังหวัดเชียงใหม่ ผู้เปลี่ยนภาพจริงลงสู่เนื้อไม้ นำภูมิปัญญาที่สั่งสมมาพัฒนาต่อยอด ฝึกฝน และค้นคว้าจนถ่ายทอดงานแกะสลักช้างไม้เสมือนจริง เลียนแบบท่าทางของช้าง ตลอดจนถึงการแสดงอารมณ์ผ่านรูปลักษณ์อากัปกิริยาต่าง ๆ ของ ช้าง ทั้งช้างหนึ่งตัว สองตัว สามตัว ไปจนถึงลักษณะท่าทางของช้างเวลาอยู่รวมกันเป็นโขลง จนเป็นที่ได้รับ การกล่าวถึงว่าเป็นสล่าผู้มากฝีมือในการแกะสลักช้างได้เสมือนจริงจนเป็นที่รู้จักและยอมรับอย่างกว้างขวาง มาจนถึงทุกวันนี้
นอกจากนี้ sacit มีเป้าหมายสำคัญในการสืบสานองค์ความรู้งานศิลปหัตถกรรมไทยจากผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมไทยไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่และสังคมไทย โดยมีการจัดเก็บและรวบรวมข้อมูลองค์ความรู้ ในรูปแบบ sacit Archive ที่ครอบคลุมงานศิลปหัตถกรรมไทยกว่า 3,000 รายการ ในกลุ่มเครื่องทอ เครื่องจักสาน เครื่องไม้ เครื่องดิน เครื่องโลหะ เครื่องกระดาษ เครื่องหนัง เครื่องรัก รวมถึงเครื่องอื่นๆ อาทิ งานเทริดมโนราห์ งานกระจกเกรียบ เป็นต้น เพื่อรองรับความต้องการของผู้ประกอบการ ผู้ผลิต นักออกแบบ นักเรียน นักศึกษา ที่ต้องการใช้ประโยชน์ในการศึกษาค้นคว้าและวิจัย หรือนำข้อมูลองค์ความรู้ไปใช้พัฒนาตนเองและผลิตภัณฑ์ช่วยสร้างโอกาส สร้างเครือข่าย สร้างรายได้ ตลอดจนการจัดกิจกรรมและเวิร์คช้อปต่าง ๆ สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ในงานศิลปหัตถกรรมไทยร่วมกันระหว่างช่างฝีมือและคนรุ่นใหม่ เช่น นิทรรศการเชิดชู ผู้สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมไทย หรือการสาธิตกระบวนการทำงาน
หัตถกรรมของครูศิลป์ของแผ่นดิน ครูช่างศิลปหัตถกรรม และทายาทช่างศิลปหัตถกรรม เพื่อกระตุ้นให้ผู้ที่เข้าชมได้เกิดความภาคภูมิใจ ในภูมิปัญญาของคนไทย และกลายเป็นจุดเริ่มต้นให้คนรุ่นใหม่เห็นความสำคัญ และหันมาร่วมอนุรักษ์และ สืบสานงานช่างฝีมือเหล่านี้ไว้ไม่ให้สูญหาย และเกิดเป็นสังคมงานคราฟต์ หรือ Social Craft Network ต่อไป.