รองผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาไฟป่าฯกองทัพภาคที่ 3 เผยเหตุไฟป่ารุนแรงเพราะเชื้อเพลิงสะสมมา 2 ปี ประกอบกับราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์พุ่งสูงกว่า 1 เท่าทำให้มีการบุกรุกแผ้วถางป่ามากขึ้น เผยแผนงานนำ MI 17 บินโปรยน้ำสร้างความชุ่มชื้นให้ป่าลดการเกิดไฟและบรรเทาฝุ่น ชี้สถานการณ์ไฟไหม้ที่ฮอดและจอมทองป่ายังเสียหายไม่มาก คาดจะคุมสถานการณ์ได้
เมื่อเวลา 10.00 น.พล.ต.วีรวัฒน์ วิวัฒน์วานิช รองผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองกองทัพภาค 3 ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงสถานการณ์ไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก pm2.5 ว่า สถานการณ์ไฟป่าและมลพิษหมอกควันปีนี้ คาดว่าจะรุนแรงกว่าปี 2564 – 2565 ที่ผ่านมา เนื่องจาก 2 ปีที่ผ่านมาเกิดปรากฎการณ์ลานีญ่า ทำให้มีฝนตกชุก แต่ปีนี้เป็นปรากฏการณ์เอลนิโญ่ทำให้เกิดความแห้งแล้งสูง แต่ปีก่อนๆ เกิดไฟไหม้น้อยทำให้เชื้อเพลิงสะสมในป่ามาก โดยภาคเหนือ 17 จังหวัดมีเชื้อเพลิงสะสมในป่ากว่า 30 ล้านตัน อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน 12 ล้านตัน ภาคเหนือตอนล่าง 19 ล้านตันอีกประเด็น คือ สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำให้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปรับตัวจากกิโลกรัมละ 4.50 บาท เป็น 10.50 บาท จึงจูงใจให้เกิดการบุกรุกแผ้วถางป่ามากขึ้น
รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาไฟป้าฯ กองทัพภาคที่ 3 กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการที่ได้ดำเนินการแล้วและกำลังจะทำคือการดับไฟและเพิ่มมาตรการป้องกันการเผา ปีนี้เรามีต้นทุนน้ำในเขื่อน และอ่างเก็บน้ำต่างๆ ค่อนข้างมาก จึงจะใช้เฮลิคอปเตอร์เข้าไปตักน้ำ โปรยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ป่าก่อนจะเกิดไฟ และยังลดมลพิษจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ pm 2.5 ด้วย ซึ่งในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาในภาคเหนือเกิดจุดความร้อน หรือ Hotspot สูง และค่าpm 2.5 พุ่งสูงเกินค่ามาตรฐาน
“ปีนี้เราได้งบจากสสส.ประมาณ 3 ล้านกว่าบาทที่สนับสนุนภารกิจในการจัดชุดปฏิบัติการลงไปทำงานในหมู่บ้าน ชุมชนในพื้นที่เกิดปัญหาไฟไหม้ซ้ำซาก โดยการเคาะประตูบ้านให้ความรู้ สร้างความเข้าใจ ซึ่งเชียงใหม่เองถือเป็นต้นแบบของประเทศได้ที่อบจ.เชียงใหม่สนับสนุนงบประมาณปีละกว่า 13 ล้านบาทให้กับชุมชน หมู่บ้านที่อยู่ติดเขตป่าให้ทำแนวกันไฟและดับไฟ และจ้างคนที่มีอาชีพหาของป่ามาเป็นอาสาสมัครดับและแจ้งเหตุเกิดไฟป่า ปีที่แล้วที่อ.พร้าวถือประสบผลสำเร็จ และปีนี้อบจ.เชียงใหม่ก็จะสนับสนุนงบฯอีก”พล.ต.วีรวัฒน์ กล่าวและว่า
สำหรับสถานการณ์ไฟป่าที่อ.ฮอดและจอมทองนั้น วันนี้ตามการร้องขอของผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันฯจังหวัดเชียงใหม่และลำพูนได้ร้องขอรับการสนับสนุนอากาศยานเพื่อดับไฟป่า โดยที่ อ.ฮอด จังหวัดเชียงใหม่ได้จัด ฮ. KA-32 (ปภ.) เข้าปฏิบัติภารกิจเมื่อเวลา 09.00 น.เช่นเดียวกับ ฮ. Bell 407 (กรมฝนหลวงฯ) ส่วน เวลา 1030 บ. BT-67 (ทอ.) เข้าปฏิบัติภารกิจดับและทำแนวกันไฟที่อ.ลี้ จ.ลำพูน 
“เดิมวันนี้ศอ.ปกป.ภาค จะใช้อากาศยาน M-17 โปรยทิ้งน้ำ เพื่อสร้างความชุ่มชื้น ป้องกันไฟป่าหมอกควันด้านทิศตะวันออกของดอยสุเทพ แต่ได้เปลี่ยนภารกิจเป็นพรุ่งนี้ ส่วนที่ไม่ให้ MI 17 ไปช่วยสนับสนุนดับไฟที่อ.ฮอดและจอมทอง เพราะขณะนี้มีการระดมเฮลิคอปเตอร์เข้าไปดับไฟป่าตั้งแต่เมื่อวาน เบื้องต้นในพื้นที่ป่ายังเสียหายไม่มากนักแต่ยังควบคุมไม่ได้ ส่วนจุดที่สอง คือ พื้นที่อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ยอมรับว่าปีนี้เชื้อเพลิงสะสมมาก พื้นที่เกิดไฟป่าอยู่บนภูเขาสูงจึงควบคุมได้ยาก และกำลังภาคพื้นดินเคลื่อนที่ได้ช้า จึงต้องใช้เฮลิคอปเตอร์เข้าไปสนับสนุนการดับไฟ”รองผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองกองทัพภาค 3 กล่าวในที่สุด.
