ทหารเสนอวอร์รูมจังหวัดทำเรื่องร้องขอทีมกองทัพอากาศมาช่วย เผยประสิทธิภาพทีมUAV สแกนพื้นที่ได้เป้าหมายชัดเจน หลังพบพฤติกรรมไฟไม่ประสงค์ดีเกิดขึ้นต่อเนื่อง ยันกำลังพลพร้อมสนับสนุนการปฏิบัติงาน
พ.อ. พงษ์ยุทธ งามเกษม เสธ.ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก(ศอ.ปกป.)ภาค 3 กล่าวเสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาไฟป่าฯต่อศูนย์บัญชาการไฟป่าฯจังหวัดเชียงใหม่ถึงสถานการณ์ไฟป่าฯ ที่เริ่มส่อแนวโน้มรุนแรงเพิ่มขึ้นว่า ในส่วนของพื้นที่อ.เชียงดาวมีกำลังพลที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ ซึ่งสามารถช่วยลาดตระเวนร่วมกับอำเภอได้ ซึ่งปัจจุบันได้สวิงกำลังมาตรึงกำลังรอบพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุยจนกว่าจะเสร็จภารกิจในวันที่ 15 ก.พ.ก็สามารถไปช่วยในพื้นที่ได้ ซึ่งมีการจัดเตรียมชุดลาดตระเวนไว้ชุดละ 10 นาย และยังเหลืออีก 5 ชุดหากทางอ.พร้าวต้องการชุดลาดตระเวนให้ประสานมาจะได้ส่งตัวไปรายงานต่อนายอำเภอที่ปฏิบัติงานได้
เสธ.ศอ.ปกป.ภาค 3 ยังได้กล่าวถึงสถานการณ์ที่อ.ฮอดต่อเนื่องอ.จอมทองด้วยว่า ที่อำเภอฮอดมีเฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงทรัพย์ปฏิบัติการทิ้งน้ำในพื้นที่ 2 ลำแต่ยังไม่สามารถยุติไฟได้ และได้ร้องขอ KA32 ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่ขึ้นตรงกับภาค 3 ไปช่วยเมื่อวาน(10 ก.พ.)หลังจาก KA32 ก็ยังบินไปช่วยทิ้งน้ำทั้ง 2 ลำในช่วงเช้าแล้ว ส่วนช่วงบ่าย ขณะที่เตรียมการและฮ.กำลังยกตัวทางอำเภอฮอดรายงานวอร์รูมจังหวัดว่าสามารถดับไฟได้แล้วเหลือแค่ 3 จุดน่าจะจบภารกิจดับไฟได้ อย่างไรก็ตามเมื่อKA32 วกกลับมาที่ตั้ง กลับร้องขอเฮลิคอปเตอร์ไปช่วยอีกบอกว่ามีไฟเพิ่มอีก 4 จุดในตอนเย็น
“พฤติกรรมไฟที่เกิดขึ้นแบบนี้ หากจะยุติสถานการณ์ได้ ขอให้ศูนย์บัญชาการฯจังหวัดร้องขอกองทัพอากาศมาช่วยโดยใช้อากาศยานไร้คนขับ(UAV) มา ซึ่งสามารถสแกนพื้นที่ จับความร้อนตัวคนและไฟได้ ซึ่งเคยใช้มาแล้ว และขอยืนยันว่ากำลังพลของทหารพร้อมที่จะสนับสนุนการปฏิบัติงานในทุกพื้นที่เพียงแต่ขอให้ร้องขอมาเท่านั้น”พ.อ.พงษ์ยุทธ กล่าว