กลุ่มคนเชียงใหม่รักสถาบันยื่นหนังสือในนามตัวแทนประชาชนที่จงรักภักดีต่อระบอบสถาบันพระมหากษัตริย์ ร้องกกต.เชียงใหม่ตรวจสอบนโยบายของพรรคก้าวไกลว่าเข้าข่ายผิดพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญหรือไม่
เมื่อวันที่ 9 มี.ค.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานที่สำนักงาน กกต.จ.เชียงใหม่ กลุ่มคนเชียงใหม่จำนวน 15-20คน ยื่นหนังสือในนามตัวแทนประชาชนที่จงรักภักดีต่อระบอบสถาบันพระมหากษัตริย์ร้อง ผอ.กกต. เชียงใหม่ตรวจสอบนโยบายของพรรคก้าวไกล ว่าเข้าข่ายผิดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยเป็นหน้าที่ของ กกต. เนื่องจากเห็นว่า พรรคการเมืองอย่าง พรรคก้าวไกล ชูประเด็นเรื่องแก้ ม.112 กกต.ควรดูกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง อาจสุ่มเสี่ยงต่อการถูกยุบพรรคได้ เพราะการนำมาใช้เป็นนโยบายหาเสียงอาจทำได้ แต่ต้องไปดูกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ตรงนี้อาจสุ่มเสี่ยงต่อการถูกยุบพรรคได้
ทั้งนี้ พรบ.พรรคการเมืองด้วยว่า ขัดต่อกฎหมายหรือไม่ ซึ่งบทบัญญัติมาตรา 112 แห่งประมวลกฎหมายอาญา เป็นเพียงกฎหมายในชั้นพระราชบัญญัติ ชั้นลำดับศักดิ์กฎหมายต่ำกว่ารัฐธรรมนูญ ไม่ใช่บทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ หมวด 2 ว่าด้วยพระมหากษัตริย์ ซึ่งมีข้อห้ามแก้ไขตามมาตรา 255 ดังนั้น นโยบายแก้ไขมาตรา 112 ที่พรรคก้าวไกลเสนอ ย่อมขัดกับรัฐธรรมนูญ
เนื่องจากมาตรา 112 คุณธรรมทางกฎหมายมุ่งคุ้มครองพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และบัญญัติอยู่ในภาค 2 ความผิด ลักษณะ 1 หมวดความผิดเกี่ยวด้วยความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หมวด 1 ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 ปีถึง 15 ปี
แต่ พรบ.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 20 พรรคการเมืองมีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินกิจการทางการเมืองตามหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตรงนี้ แม้นโยบายพรรคก้าวไกลไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่คาบเกี่ยวกับการกระทำและพฤติการณ์ “ล้มล้างการปกครอง” หรือ “ปฏิปักษ์การปกครอง” เป็นเหตุให้ยุบพรรคได้ ตามมาตรา 92 แห่ง พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560
โดย สาระสำคัญการแก้ไข มา 112 ของพรรคก้าวไกล เป็นการย้ายความผิดฐาน มาตรา 112 ออกจากหมวดความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ ลดอัตราโทษลงอย่างมาก ไม่กำหนดโทษขั้นต่ำ รวมทั้งสามารถพิจารณาลงโทษปรับแทนการจำคุก เพื่อให้ได้สัดส่วนกับความผิด
ลดโทษ จากเดิมจำคุก 3-15 ปี : แก้ไขโทษจำคุกเหลือไม่เกิน 1 ปี หรือมีเพียงโทษปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ (สำหรับการกระทำความผิดต่อพระมหากษัตริย์) ลดโทษ จากเดิมจำคุก 3-15 ปี : แก้ไขโทษจำคุกเหลือไม่เกิน 6 เดือน หรือมีเพียงโทษปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ (สำหรับการกระทำความผิดต่อ พระราชินี รัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์)
เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลทั่วไปนำฐานความผิดนี้ไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง กลั่นแกล้งผู้อื่น หรือนำไปใช้โดยไม่สุจริต
จากเดิมประชาชนทั่วไปสามารถฟ้องร้องคดีนี้ได้ โดย แก้ไข้ให้เฉพาะสำนักพระราชวังเป็นผู้ร้องทุกข์ รวมถึงกำหนดให้ความผิดในลักษณะนี้เป็นความผิดอันยอมความได้
บทยกเว้นความผิดและยกเว้นโทษ โดยยกเว้นความผิด หากเป็นการติชม แสดงความคิดเห็นโดยสุจริต เพื่อรักษาไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อธำรงไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญ หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ และยกเว้นโทษ หากพิสูจน์ได้ว่าข้อที่หาว่าเป็นความผิดนั้นเป็นความจริง แต่ห้ามไม่ให้พิสูจน์เรื่องความเป็นอยู่ส่วนพระองค์ “และ” การพิสูจน์ไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน