เชียงใหม่ วิกฤตลากยาวกว่า 2 สัปดาห์ ฝุ่นควันพุ่งสูงสุดของโลก แต่ข้อมูลกรมควบคุมมลพิษไม่อัพเดทตัวเลขหลายชั่วโมงแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็กpm2.5 เชียงใหม่ยังวิกฤตหนัก! ฝุ่นควันมลพิษเชียงใหม่ยึดอันดับ 1 เมืองคุณภาพอากาศแย่ที่สุดในโลกอย่างเหนียวแน่น พบสูงเกินเกณฑ์มาตรฐานอยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพทุกคนอย่างรุนแรง ขณะที่คนเชียงใหม่ต้องเผชิญกับสภาพสูดฝุ่นควันคลุมทึบทั่วทั้งเมืองต่อเนื่องนานนับเดือนแล้วล่าสุดหลัง 10.00 น.วันที่ 12 มี.ค.66 พบว่าข้อมูลของกมควบคุมมลพิษไม่ยอมอัพเดทค่าฝุ่นควัน ทำได้แค่รอลุ้นฝนตกช่วยบรรเทาสถานการณ์ โดยคุณภาพอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ยังคงทวีความรุนแรงและค่ามลพิษอากาศสูงเกินมาตรฐานอยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยสภาพทั่วทั้งตัวเมืองเชียงใหมาถูกปกคลุมด้วยฝุ่นควันหนาทึบจนไม่สามารถมองเห็นยอดดอยสุเทพได้จากระยะไกลเหมือนปกติ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดทางกายภาพที่บ่งบอกถึงความรุนแรงของสถานการณ์ปัญหามลพิษอากาศได้เป็นอย่างดี และเป็นเช่นนี้ติดต่อกันทุกวันมานานหลายสัปดาห์แล้ว
ทั้งนี้เว็บไซต์ Iqair.com ซึ่งรายงานคุณภาพอากาศจากทั่วโลก แจ้งผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศและการจัดอันดับเมืองที่มลพิษทั่วโลก เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ พบว่าจังหวัดเชียงใหม่มีดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 200 US AQI และค่า PM 2.5 วัดค่าได้ 150.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินค่ามาตรฐาน และอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อทุกคนอย่างรุนแรง โดยผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศดังกล่าวสูงที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ของเมืองหลักที่มีมลพิษอากาศสูงสุดของโลก ซึ่งค่ามลพิษอากาศของจังหวัดเชียงใหม่อยู่อันดับที่ 1 ของโลก เกือบตลอดทั้งวานนี้และต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้ สำหรับ 3 อันดับแรกเมืองหลักที่มีมลพิษอากาศสูงสุดของโลก ในช่วงเวลาเดียวกันของวันนี้ ได้แก่ อันดับ 1 เชียงใหม่ ประเทศไทย ดัชนีคุณภาพอากาศ 200 US AQI, อันดับ 2 เมืองแบกแดด ประเทศอิรัก 187 US AQI และอันดับ 3 เมืองมุมไบประเทศอินเดีย 170 US AQI
ขณะที่ข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษพบว่า ทุกสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศของเชียงใหม่พุ่งสูงอยู่ระดับสีแดงหมดแล้วถือว่าเข้าสู่ช่วงที่วิกฤติหนักสูงสุดของปีนี้แล้วและเป็นเวลานนานกว่า 2 สัปดาห์ที่ชาวเชียงใหม่ต้องจมอยู่ใช้ฝุ่นพิษ PM2.5 แต่เมื่อเวลา 13.00 น.พบว่า ข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษทางด้านคุณภาพอากาศไม่มีการอัพเดทข้อมูลมาตั้งแต่เวลา 10.00 น. พบว่าเกือบทุกสถานีมีรายงานล่าสุดข้อมูลของเวลา 9.00 น. และ 10.00 น.เท่านั้น จนถึงเวลา 13.00 น.ยังไม่มีการ่อัพเดทข้อมูลรายชั่วโมง ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วค่าฝุ่นควันพุ่งสูงขึ้นมากกว่าช่วงเช้าอย่างเห็นได้ชัด
รายงานข่าวแจ้งว่า แม้ว่าที่ผ่านมาทางจังหวัดเชียงใหม่และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะพยายามดำเนินทุกมาตรการเพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่แล้ว ซึ่งสมารถควบคุมจุดความร้อนจากการเผา หรือ HotSpot ในพื้นที่ได้ค่อนข้างดี อย่างไรก็ตามประสบปัญหาฝุ่นควันที่ถูกพัดพาจากต่างพื้นที่เข้ามาสะสมอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าในช่วงวันที่ 12-14 มี.ค.66 จะเกิดพายุฤดูร้อนและฝนฟ้าคะนองในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยท่าช่วยคลี่คลายบรรเทาสถานการณ์มลพิษอากาศที่รุนแรงลงได้ในระดับหนึ่ง.