รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯควงแขนรองเลขาฯนายกรัฐมนตรี มอบนโยบายแก้ปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นpm2.5 เชื่อปีนี้เชียงใหม่ยังติด 1 ใน 5 เมืองมลพิษสูงสุดในโลก เผยแนวทางทำงานปีนี้เน้นทำงานทั้งเชิงรับแบบตั้งรุกเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน คาดดันพ.ร.บ.อากาศสะอาดเข้าครม.22 พ.ย.นี้ ขณะที่อธิบดี”อรรถพล”เผยใช้กำลังคนเฝ้าระวังในพื้นที่พร้อมปิดป่า 5 เดือนควบคุมการเข้า-ออกเริ่ม 1 ธ.ค.นี้ ด้านอธิบดีกรมควบคุมมลพิษแจงมีการแจ้งเตือนประชาชนล่วงหน้าทั้งค่าฝุ่นในปท.และหมอกควันข้ามแดน
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประชุมมอบนโยบายติดตามการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก pm2.5 โดยมีนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษและหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า สถานการณ์ปี 2566 เกิดฝุ่น PM2.5 และจุดความร้อนมีปริมาณสูงกว่าปีที่ผ่านมา และในปี 2567 คาดว่าปรากฏการณ์เอลนีโญ จะท าให้สถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง มีความรุนแรงมากขึ้นโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีการเตรียมการล่วงหน้าเพื่อรับสถานการณ์ดังกล่าว พร้อมระดมความร่วมมือจากหน่วยงาน ทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ท้องถิ่น ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้ง 17 จังหวัด เพื่อดำเนินมาตรการป้องกัน ลดฝุ่นควัน PM2.5 ทั้งระบบ เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ฝุ่นที่คาดว่าจะรุนแรงได้อย่างทันท่วงที
ขณะที่นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้มาร่วมประชุมด้วยเพื่อที่จะขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาไฟป่าฯ ทั้งนี้ในส่วนของกฎหมายพ.ร.บ.อากาศสะอาดนั้นก็มีร่างของพรรคเพื่อไทยและของรัฐบาลที่ปยป.ร่วมกับกระทรวงทรัพย์และจังหวัดเชียงใหม่จะเปิดรับฟังความคิดเห็นในวันที่ 9 พ.ย.นี้และคาดว่าร่างจะนำเข้าครม.ได้ประมาณวันที่ 21-22 พ.ย.นี้
นายจักรพล กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีได้มีการตั้ง รัฐบาลมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าวที่จะส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน จึงได้ตั้งคณะกรรมการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืน โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ) และรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธาน และนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธานกรรมการคนที่ 1 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นรองประธานคนที่ 2 และเร่งจัดตั้งศูนย์ ปฏิบัติการระดับพื้นที่เพื่อดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า การเผาในที่โล่งหมอกควันและฝุ่นละออง PM2.5 สาระสำคัญคือขับเคลื่อนอากาศสะอาดและpm2.5
“ปีนี้เชียงใหม่ก็คงจะติดอันดับ 1 ใน 5 ที่มีมลพิษสูงสุดในโลกอีกเช่นเดิม รัฐบาลเพิ่งเข้ามาบริหารได้ 2 เดือนก็จะทำงานทั้งเชิงรับแบบตั้งรุกเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน นายกรัฐมนตรีได้ไปเยือนประเทศในอาเซียน 4 ประเทศและได้คุยกันแล้วเรื่องการลดการเผาในพื้นที่คอนแท็กฟาร์มมิ่ง และในกลุ่มประเทศ GMS ที่คุยกันเรื่องปัญหาหมอกควันข้ามแดน ส่วนในประเทศก็มีแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่ 10 แปลงใหญ่และมีความตั้งใจอย่างจริงจังในการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยเองได้ผลักดันเรื่องพ.ร.บ.อากาศสะอาดนี้มา 5 ปีแล้ว ครั้งนี้เราจะบูรณการกับทุกภาคส่วนขอให้ไว้วางใจในฤดูฝุ่นปีนี้จะเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง”รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าว
ทางด้านนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยาน สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า ปีนี้การแก้ไขปัญหาไฟป่าฯจะเป็นการรุกก่อนที่จะเกิดวิกฤต โดยควบคุมการเข้า-ออกพื้นที่ป่าอนุรักษ์อย่างจริงจัง กำหนดจุดเฝ้าระวังให้เจ้าหน้าที่เข้าไปนอนเฝ้าในพื้นที่ การเข้าไปใช้ประโยชน์ทั้งหาของป่า ล่าสัตว์ จะมีการพูดคุยทำความเข้าใจกับประชาชน จะอนุญาตให้เข้าป่าได้เฉพาะผู้ที่มาขึ้นทะเบียน หรืออยู่ชุมชนที่อยู่ในพื้นที่ป่าเท่านั้น คนนอกพื้นที่จะไม่อนุญาตให้เข้าเด็ดขาด
อธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวอีกว่า เมื่อมีจุดเฝ้าระวังในพื้นที่ก็จะเห็นไฟไว เข้าถึงไวและดับได้รวดเร็ว ตอนนี้ระดมเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายมาทำงานและกำลังจะขออนุมัติงบประมาณจากงบกลางจัดจ้างประชาชนมาประจำจุดให้ครบทุกพื้นที่ เชื่อว่าจะสามารถลดพื้นที่เกิดไฟป่าของปีที่ผ่านมาลงได้ร้อยละ 50 แน่นอน ซึ่งมาตรการส่งคนลงพื้นที่ประจำจุดเฝ้าระวังจะเริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม รวมระยะเวลานาน 5 เดือน ส่วนการปิดผ่าจะเริ่มเดือนหน้านี้เช่นกัน ซึ่งแนวคิดนี้ตนได้พูดคุยหลายเวทีและหลายฝ่ายก็เห็นด้วยเชื่อว่าไม่น่าจะมีแรงต้าน
ขณะที่นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า มั่นใจว่าปีนี้การแก้ไขปัญหาจะดีขึ้น จากการเตรียมพร้อมร่วมกันกับกรมอุทยานฯ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำในการแก้ปัญหาจากแหล่งกำเนิดมลพิษในแต่ละจุด แต่ละพื้นที่ ซึ่งกรมอุทยานฯก็จะมีการเฝ้าระวังและปิดป่าไม่ให้เกิดปัญหาไฟไหม้ลุกลามข้ามคืน สว่นกระทรวงคมนาคมก็ยกระดับน้ำมันเชื้อเพลิงยูโร 5 เป็นน้ำมันสะอาด ในส่วนของกรมควบคุมมลพิษเองก็มีระบบเฝ้าระวังที่แม่นยำขึ้น มีสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศที่ได้มาตรฐานครอบคลุมทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีรถโมบายเคลื่อนที่ด้วย จะมีการแจ้งเตือนคุณภาพอากาศแก่ประชาชนทั้งรายวันและรายสัปดาห์ รวมถึงแจ้งเตือนล่วงหน้าสำหรับหมอกควันข้ามแดน นอกจากนี้ยังมีข้อมูลของจิสด้ามาประกอบด้วย โดยปีนี้ค่าคุณภาพอากาศเกินค่ามาตรฐานกำหนดที่ 37.5 ไมโครกรัมต่อลบ.ม.หากมีพื้นที่ไหนเริ่มมีปัญหาจะแจ้งเตือนประชาชนทันที.