ไฟป่าแม่แจ่มลามจากพื้นที่ชิงเผาจนท.รายงานสาเหตุจากหาของป่า ขณะที่กลุ่มแก้ไขฝุ่นควันภาคเหนือสุดทน ตั้งประเด็นถกชวนคิดแก้ไข ไม่ใช่ปล่อยเฉยให้เป็น “ทุยเชียงใหม่”หาใช่”ทีมเชียงใหม่” สมาชิกแจงจวนได้บทสรุป โดยเฉพาะจุดความร้อนและพื้นที่เผาไหม้ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ชี้ที่ผ่านมาโยนให้ชาวบ้านตกเป็นจำเลยหาของป่า ล่าสัตว์ เมายา ระบุหลักฐานจากระบบFireDเป็นข้อมูลสำคัญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไฟป่าแม่แจ่มยังไม่จบโดยค่ำวันนี้(2 มี.ค.67) ยังพบเห็นไฟไหม้ป่าหลายจุดในพื้นที่โดยช่วงเช้านายอิศเรศ จิระรัตน์ผู้บัญชาการควบคุมไฟป่า(ส่วนหน้า)กรมป่าไม้ มอบหมายภารกิจให้ชุดปฏิบัติการพิเศษเหยี่ยวไฟ ศูนย์มุกดาหารเข้าตรวจสอบจุด hotsport(เช้า)ท้องที่ ต.กองแขก อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ โดยประสานงานกับปลัดอำเภอ หน.ชุดฝ่ายปกครอง(รับผิดชอบท้องที่ตำบลกองแขก)เข้าร่วมตรวจสอบจุด(hotsport)และแจ้งปลัดอำเภอแม่แจ่มที่รับผิดชอบตำบลกองแขก เรื่องการจัดการบริหารเชื้อเพลิง(Fire D)ว่า ตั้งแต่วันนี้ 2 มีนาคม 2567ทางจังหวัดฯได้มีข้อส่งการห้ามอนุมัติ Fire D ในพื้นที่จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
หลังจากนั้นได้มีการจัดชุดเข้าไปดับไฟ ตามจุดความร้อนรอบเช้าทั้งต.กองแขกและในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่แจ่ม ท้องที่บ้านอมขูด ม.1 ต.กองแขก โดยพบว่าไฟลุกไหม้ แปลงปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่เก็บผลผลิตไปแล้ว ส่วนไฟที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่แจ่ม ท้องที่บ้านแพม ม.16 ต.ช่างเคิ่ง อ.แม่แจ่มไฟดับหมดแล้ว โดยระบุสาเหตุไฟไหม้ลามข้ามคืนมาจากการหาของป่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์ไฟไหม้ลุกลามต่อเนื่องหลายวันจากการชิงเผาหรือบริหารจัดการเชื้อเพลิงที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดประเด็นขึ้นอีกครั้งในกลุ่มไลน์แก้ไขฝุ่นควันภาคเหนือซึ่งมีทั้งหัวหน้าส่วนราชการนักวิชาการ ภาคประชาสังคม ภาคเอกชนและสื่อมวลชนมีสมาชิกเกือบ 500 คน โดยนายบัณรส บัวคลี่ สภาลมหายใจเชียงใหม่ตั้งข้อสังเกตว่าไฟจากการบริหารจัดการเชื้อเพลิง แต่ควบคุมไม่อยู่ ปล่อยให้ไฟไหม้ลุกลาม 3 วัน ควรที่จะย้อนดูคำขอว่า ใครเป็นผู้ขอ ใครอนุญาต อนุญาตแล้วติดตามหรือไม่ ติดตามแล้วไฟลาม ทำไงต่อ เพื่อที่จะได้มีบันทึกไว้ถอดบทเรียนหรือดำเนินการต่อหรือไม่ หรือจะปล่อยเฉยๆ ลืมไปเป็นปีๆ แบบนี้ควรเรียก”ทุยเชียงใหม่”ไม่ใช่”ทีมเชียงใหม่” เพราะถ้าปล่อยไปเฉยๆ ไม่มีใครคิดทำอะไร ไม่คิดแก้ ก็ไม่ใช่ทีมเชียงใหม่แน่
หลังจากนั้นนายวิสัน ปัญญากาจ นักวิชาการเกษตรชำนาญการ ได้เข้ามาแสดงความเห็นว่าเป็นทีม”ถ่มถุยเชียงใหม่”ว่าเราใกล้จะได้บทเรียนและบทสรุปแล้วว่าแชมป์จุดความร้อน Hotspotและพื้นที่เผาไหม้สะสมของเชียงใหม่ ของพื้นที่ป่าอนุรักษ์ในหลายปีที่ผ่านมา มิใช่ได้มาโดยบังเอิญ ซึ่งในการบริหารจัดการเชื้อเพลิงฯในระบบ FireD BURNCHECK และประมวลผลโดย Gistda ล้วนมีลำดับชั้นข้อมูลในการดูข้อมูลและการพิจารณาอนุมัติ ค่าพิกัดและคำขอฯ ผู้หลักผู้ใหญ่รู้และควรตอบ
แต่หากลงมาถึงระดับพื้นที่การทำงานฯ หน่วยทำงานพื้นที่ ชุมชนพื้นที่ อปท.พื้นที่ รับทราบข้อมูลและแผนงานที่จะทำร่วมกันไหม ถ้าไม่ใช่ 12 ตำบลนำร่อง และอย่างที่ทราบว่าปีนี้ งบประมาณปี 67 ยังไม่ผ่านสภาฯ แผนงานที่สั่งการกับงบประมาณที่ไม่สอดคล้อง.ฯลฯ ข้อจำกัด จะพลาดหรือชินกับระบบฯที่ผ่านมาไม่ทราบได้ รวมถึงเมื่อไฟไหม้ละลุกลามแล้ว..ทำอย่างไร ให้เฮลิคอปเตอร์มาดับมีงบฯ แต่เกณฑ์ชาวบ้านไปช่วยดับมีงบไหม 
นายวิสัน ยังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาก็ถ่มถุยกันเหลือเกินว่าชาวบ้านเผาป่าล่าสัตว์ หาของป่า ผักหวาน เห็ดถอบ เลี้ยงสัตว์ เมายา ฯลฯ อย่างไรก็ตามการเริ่มที่นำการใช้ไฟมาอยู่ในระบบฯปีนี้ จะเป็นจุดเริ่มในการทำงานเชิงพื้นที่จริง เพราะ 10 กว่าปีที่ผ่านมาเราเห็นอะไรในหมอกควัน ไฟป่าของเชียงใหม่ชัดเท่าปีนี้หรือไม่ และกับการคาดหวัง การเปลี่ยนแปลงและแก้ไขปัญหา
“ผมเชื่อว่ามีหลายหน่วยงานพื้นที่ ฯ ชุมชนพื้นที่ฯ อึดอัดและเหนื่อยกับปัญหาไฟป่าฯ ในระบบฯที่เป็นอยู่ อำนาจ หน้าที่ บุคลากร งบประมาณ ระเบียบวิธีงบประมาณ ข้อมูล เทคโนโลยี และนโยบายข้อสั่งการฯลงมา หากแต่ผมที่ทำงานในระดับพื้นที่ชุมชนตำบลผมทำเท่าที่ทำได้จากเหตุข้างต้น การที่ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะสั่งการให้ระบบฯทำงานได้ดั่งใจ ก็คงต้องไปถอดบทเรียนกัน”นายวิสัน กล่าวทิ้งท้าย
