รองกก.ผจก.อาวุโสด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐ และกิจการสัมพันธ์ เครือCP เสนอรัฐบาล”เศรษฐา”ลดพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์บนดอย 3 ล้านไร่ มาทำวนเกษตรปลูกพืชสมุนไพรและกาแฟสร้างรายได้แบบยั่งยืน
นายจอมกิตติ ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐ และกิจการสัมพันธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้นำเสนอการออกแบบกลไกและระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่เหมาะสมต่อการเข้ามามีส่วนร่วม จากภาคธุรกิจเอกชนต่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ในการประชุมมอบนโยบายเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก ปี 2567 ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษาว่า ทางมูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบทได้เข้ามาทำงานร่วมกับ 9 จังหวัดภาคเหนือเพื่อช่วยลดปัญหาไฟป่า หมอกควันฯ ซึ่งในพื้นที่ภาคเหนือ 9 จังหวัดมีพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์บนดอยประมาณ 3 ล้านไร่ นั่นหมายถึงมีเศษวัสดุประมาณ 3 ล้านตัน
“เป็นไปได้มั้ยที่จะให้เกษตรกรไม่ปลูกข้าวโพดบนดอย ซึ่งหลายภาคส่วนพยายามหาพืชที่เหมาะสมให้เกษตรกรสามารถทำกินบนพื้นที่ได้อย่างเพียงพอ ต่อรายจ่ายและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งผมได้ทำงานกับหลายภาคส่วนและพบว่าการเปลี่ยนเกษตรเชิงเดี่ยวเป็นวนเกษตร ทำให้เกษตรกรมีทางเลือกได้มากขึ้น ซึ่งชาวบ้านเคยถามว่าถ้าไม่ให้ทำกินในที่ป่าจะให้ทำอะไร ก็มีแนวคิดให้ทำเกษตรมูลค่าสูง ซึ่งจากการทำงานร่วมกับภาควิชาการ ภาคราชการและภาคประชาสังคมด้วยกัน ถ้าเปลี่ยนจากพืชเชิงเดี่ยวหรือข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มาเป็นวนเกษตร โดยการปลูกพืชสมุนไพร และกาแฟ เมื่อเปรียบเทียบพื้นที่ปลูกข้าวโพด 7 ไร่ แต่ปลูกกาแฟ 1 ไร่ รายได้เท่ากัน ถ้าหากเปลี่ยนพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 3 ล้านไร่ แต่หากใช้พื้นที่เพียง 4 แสนไร่ ก็ยังมีพื้นที่ป่าที่เหลือ 2.6 ล้านไร่”รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐ และกิจการสัมพันธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์กล่าว.