DEAร่วมกับป.ป.ส.,ตำรวจภาค 5,บช.ปส.และตชด.จัดสนทนาโต๊ะกลมกับสื่อมวลชนชี้สถานการณ์ยาเสพติดปีนี้รุนแรงกว่าที่ผ่านมา

DEAร่วมกับป.ป.ส.,ตำรวจภาค 5,บช.ปส.และตชด.จัดสนทนาโต๊ะกลมกับสื่อมวลชนชี้สถานการณ์ยาเสพติดปีนี้รุนแรงกว่าที่ผ่านมา

- in headline, รอบรั้วทั่วเหนือ

สำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐฯหรือDEAร่วมกับป.ป.ส.,ตำรวจภาค 5,บช.ปส.และตชด.จัดสนทนาโต๊ะกลมกับสื่อมวลชนชี้สถานการณ์ยาเสพติดปีนี้รุนแรงกว่าที่ผ่านมา กลุ่มผู้ค้ามีเครื่องมือผลิตที่ทันสมัยและยังไม่สามารถทำลายเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้ค้าและผู้สนับสนุนได้ ตั้งเป้าปี 65 ยึดทรัพย์และตัดวงจรให้มากที่สุด

เมื่อวันที่ 27 ม.ค.65 ที่โรงแรมแชงกรีลาเชียงใหม่ สถานกงสุลใหญ่สหรัฐฯเชียงใหม่จัดกิจกรรมที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ของประเทศสหรัฐฯ-ไทยด้านความมั่นคง ความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมายและการปราบปรามยาเสพติดในระดับภูมิภาค โดยสำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐฯ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.)  ตำรวจภูธรภาค 5 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)  และกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนจัดกิจกรรมสนทนาโต๊ะกลมกับสื่อมวลชน

นายแพทริก พิกซีอาโน หัวหน้าสำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐฯประจำเชียงใหม่ กล่าวว่า ภารกิจของ DEA คือบังคับใช้กฎหมายและระเบียบว่าด้วยสารควบคุมของสหรัฐฯตลอดจนให้คำแนะนำและสนับสนุนโครงการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายและระเบียบว่าด้วยสารควบคุมของสหรัฐฯตลอดจนให้คำแนะนำและสนับสนุนโครงการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมาย

ปีที่ผ่านมา DEA ได้บูรณาการเพื่อช่วยรัฐบาลไทยในการดำเนินงานด้านการปราบปรามยาเสพติด โดยร่วมกับสำนักกิจการยาเสพติดและการบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศ(INL)ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.)สำนักงานตำรวจแห่งชาติฝึกอบรมด้านขับขี่จักรยานอย่างปลอดภัยใหเจ้าหน้าที่บช.ปส.เพื่อสนับสนุนการบังคับชั้กฎหมายไทยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในการติดตามจับกุมอาชญากรและปราบปรามการลักลอบค้ายาเสพติด

นอกจากนี้ยังสนับสนุนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.)ในการจับกุมเครือข่ายปฏิบัติการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดรายสำคัญ นำไปสู่การยึดทรัพย์มูลค่า 1,900 ล้านบาท และได้บริจาคอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศมูลค่า 71,000 เหรียญหรือ 2.3 ล้านบาทให้บช.ปส.ด้วย และยังได้ร่วมกับ INL สนับสนุนฝึกอบรมด้านโซเซียลมีเดียและเทคนิคการสืบสวนจากแหล่งข้อมูลเปิดให้แก่กองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด จ.เชียงใหม่อีกด้วย

ด้านนายไกรเลิศ ดาวเรือง ผอ.สำนักงานป.ป.ส.ภาค 5 กล่าวว่า การลักลอบค้ายาเสพติดในปัจจุบันยังไม่มีสัญญาณจะลดความรุนแรงทั้ง 3 ด้านไม่ว่าจะเป็นการผลิต การค้าและการแพร่ระบาด เนื่องจากยังไม่สามารถควบคุมการลำเลียงสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในการผลิตเข้าไปยังพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำได้ และเครื่องมือผลิตยาเสพติดก็มีการเพิ่มศักยภาพสูงขึ้นโดยเฉพาะเครื่องตอกยาบ้า ซึ่งจากการสืบสวนจับกุมได้ในพื้นที่กรุงเทพฯพบว่ามีเครื่องอัดเม็ดยาบ้าขนาด 39 หัวตอกอย่างน้อย 2 ตัวส่งเข้าไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้านซึ่งสามารถผลิตยาบ้าได้ถึง 1.63 แสนเม็ดต่อชั่วโมงหรือประมาณ 4 ล้านเม็ดต่อวัน 2 เครื่องสามารถผลิตได้ถึงวันละ 8 ล้านเม็ด

“ตอนนี้ยาบ้าจากเดิมที่ราคาเม็ดละ 200-300 บาทแต่ขณะนี้ตามชายแดนเหลือเพียงเม็ดละ 10 บาทและพื้นที่ชั้นในเหลือเพียงเม็ดละ 50 บาท จากระบบโลจิสติกส์และการคมนาคมที่สะดวกมากขึ้นทำให้การขนส่งยาบ้ามีการพัฒนาไปมาก รวมไปถึงระบบการจ่ายเงินซื้อยาเสพติดที่ใช้จ่ายผ่านอีแบงก์กิ้งและคริปโต ซึ่งทาง DEA ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมาอบรมให้ทำให้ปปส.ภาค 5 สามารถจับกุมได้ 2 คดี สำหรับปัจจัยทางด้านการค้าก็ยังมีสูงทั้งในและต่างประเทศ ผู้เสพย์ในประเทศก็ยังคงที่ไม่มีลดลงและในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำคนไม่มีกำลังซื้อ ทำให้ราคายาบ้าก็ลดลงจากเดิม 20-30 เท่า

พ.ต.อ.รังสิมันต์ สงเคราะห์ธรรม รองผบก.ตชด.ภาค 3 กล่าวว่า การดูแลการลักลอบนำยาเสพติดเข้าพื้นที่ชั้นในก็ยังพบว่ามีการลักลอบเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติ ขณะที่พ.ต.อ.กฤษดา ศรีอิสาณ ผกก.กองบังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บก.ปส.3) กล่าวว่า ภาพรวมในปี 65 นับจากปีงบประมาณซึ่งผ่านมา 4 เดือนสามารถจับกุมผู้ลักลอบค้ายาเสพติดได้สูงกว่าปีที่ผ่านมามาก เกือบๆ จะเท่ากับปี 64 ตลอดทั้งปีซึ่งปีนี้คาดว่าแนวโน้มยาเสพติดจะรุนแรงมากขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถทำลายค้ายาเสพติดในการทำลายเส้นทางการเงินได้ ซึ่งปีที่ผ่านมาแม้จะยึดทรัพย์ได้ 6 พันกว่าล้านบาทปีนี้จะเน้นในการยึดทรัพย์ให้มากกว่าเดิม ซึ่งรัฐบาลตั้งเป้าไว้หมื่นกว่าล้านบาทเพื่อทำลายเส้นทางการเงินและทรัพย์สินของผู้ค้าฯ

“สำหรับเส้นทางการเงินและฟอกเงินของกลุ่มผู้ค้าฯก็ยังเป็นพวกอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงฝากไว้ในธนาคาร อย่างไรก็ตามเป้าหมายในการยึดทรัพย์ในปีนี้จะมุ่งไปที่กลุ่มผู้สนับสนุนช่วยเหลือด้วย จากเดิมที่ยึดทรัพย์จากกลุ่มผู้ค้าโดยตรง ตอนนี้กฎหมายสามารถยึดทรัพย์ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ด้วย ซึ่งคาดว่าแนวทางนี้จะทำให้สามารถตัดวงจรขบวนการค้ายาเสพติดได้มากขึ้น”พ.ต.อ.กฤษดา กล่าวชี้แจง.

You may also like

เริ่มแล้วกับงาน“AMAZING CHIANG MAI COUNTDOWN 2025”เข้าชมฟรีททท.คาดเงินสะพัด3.5 พันล้านบาท เผยยอดจองที่พักพุ่งกว่า 91%

จำนวนผู้